กค 0811/00872
23 มกราคม 2541
ประเด็นปัญหา
61/26326
ผู้ขายและพวก ได้ร่วมกันซื้อที่ดิน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2534 โดยได้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
และได้จดทะเบียนบรรยายส่วนไว้ ต่อมาในปี 2535 ผู้ขายและพวกบางคนได้ประสบภาวะขาดแคลนทาง
การเงินจึงมีความจำเป็นต้องขายที่ดินดังกล่าวไป เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2535 โดยได้โอนที่ดินดังกล่าว
ให้แก่บริษัท ซึ่งเป็นผู้ซื้อในลักษณะเดิมที่ได้ซื้อมา ผู้ขายและพวกบางคนได้นำรายรับที่ได้จากการขายที่ดิน
ตามส่วนที่ตนมีไปยื่นแบบ ภ.ธ.40 เพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ดังนั้น ในส่วนของบางคน ซึ่งยังมิได้นำ
รายรับมาเสียภาษีธุรกิจเฉพาะพวกที่ยังมีชีวิตอยู่จะต้องรับผิดชอบในหนี้ภาษี หรือไม่ อย่างไร
2.1 ตามข้อเท็จจริง แม้ในโฉนดดังกล่าวจะได้มีการบรรยายส่วนการถือกรรมสิทธิ์ไว้ แต่
เมื่อไม่ได้จดทะเบียนบรรยายถึงว่า ของใครอยู่ส่วนไหนเป็นจำนวนเนื้อที่เท่าใดชัดแจ้งแล้ว กรณีถือได้ว่า
บุคคลเหล่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ตามมาตรา 1356 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประกอบกับเมื่อตามข้อเท็จจริง บุคคลทั้งหมดได้ที่ดินดังกล่าวมาพร้อมกันและได้ขายให้กับผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัท
เดียวกันในเวลาพร้อมกัน มิใช่แต่ละคนแบ่งแยกขายเฉพาะส่วนของตน กรณีถือได้ว่าบุคคลเหล่านั้นมี
เจตนาร่วมลงทุนในการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว จึงต้องเสียภาษีในนามห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน
หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมแต่ละคนจะแยกยื่นเสียภาษีในนามของตนเองไม่ได้
2.2 ตามข้อเท็จจริง เมื่อผู้ขายและพวกบางคนได้นำรายรับที่ได้จากการขายที่ดินตามส่วนที่
ตนมี ไปยื่นแบบ ภ.ธ.40 เพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในนามของแต่ละบุคคลแล้ว เข้าลักษณะเป็นการยื่น
แบบแสดงรายการผิดหน่วยภาษี เนื่องจากในการเสียภาษีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือ
คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล บุคคลผู้เข้าร่วมในคณะบุคคลดังกล่าวต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของห้างโดย
ไม่มีจำกัด ทั้งนี้ตามมาตรา 1025 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น ผู้ขายและพวก จึงต้อง
รับผิดร่วมกันในหนี้ภาษีอากรจากการขายที่ดินดังกล่าว โดยกรมสรรพากรมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้
แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก แต่ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคน
จนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง ทั้งนี้ ตามมาตรา 291 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์