กค 0706/3182
18 เมษายน 2549
มาตรา 77/1(22) แห่งประมวลรัษฎากร
69/34091
บริษัท ฟ. จำกัด ประกอบกิจการขายเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การสื่อสาร บริการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้เช่าคอมพิวเตอร์ บำรุงรักษาระบบและเครื่องคอมพิวเตอร์ บริษัทฯ ได้ว่าจ้าง S System ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันให้การอบรมเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดย S System ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การอบรมแก่พนักงานของบริษัทฯ ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4-14 กรกฎาคม 2548 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินค่าบริการฝึกอบรมดังกล่าวให้แก่ S System ในวันที่ 9 กันยายน 2548 และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.36 ต่อกรมสรรพากรเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2548 ตามใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2548 โดยบริษัทฯ ได้คำนวณเงินค่าบริการฝึกอบรมตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2548 ซึ่งตามประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จะต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ ณ วันที่ 9 กันยายน 2548 ซึ่งเป็นวันที่บริษัทฯ จ่ายเงินให้แก่ S System จึงเป็นเหตุให้บริษัทฯ เสียภาษีมูลค่าเพิ่มสูงไปเป็นเงิน 496.00 บาท ตามรายละเอียดดังนี้
มูลค่าบริการ VAT
ตามที่บริษัทฯ ชำระ EUR 18,859.67 @ 51.5240 = 971,744.50 = 68,022.12 บาท
ตามที่ควรจะเป็น @51.149.93 = 964,658.92 = 67,526.12 บาท
ผลต่าง 496.00 บาท
บริษัทฯ จึงขอทราบว่า บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ นำส่งกรมสรรพากรไปแล้ว จำนวน 68,022.12 บาท ตามใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออกให้แก่บริษัทฯ ถือเป็นภาษีซื้อของบริษัทฯ ได้ทั้งจำนวน ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม
กรณีบริษัท ได้ชำระค่าบริการฝึกอบรมไปให้บริษัทฯ ในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และบริษัทฯ ได้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.36 โดยคำนวณเงินค่าบริการฝึกอบรมที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2548 เป็นเงินจำนวน 971,744.50 บาท ยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) เป็นเงินจำนวน 68,022.12 บาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงข้างต้นบริษัทฯ จะต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ ณ วันที่ 9 กันยายน 2548 คำนวณเป็นเงินตราไทยเป็นเงินจำนวน 964,658.92 บาท และจะต้องยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) เป็นเงินจำนวน 67,526.12 บาท จึงเป็นเหตุ ให้บริษัทฯ นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเกินไปเป็นเงินจำนวน 496.00 บาท แต่การที่บริษัทฯ ยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) ไว้แล้วเป็นเงินจำนวน 68,022.12 บาท โดยได้รับใบเสร็จรับเงินจากกรมสรรพากร ดังนั้น ภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ให้ถือเป็นภาษีซื้อตามมาตรา 77/1(18)(ค) และมาตรา 77/1(22) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อในกรณีนี้ไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร