views

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเงินได้จากหลักทรัพย์ให้กับ Custodian ใน ต่างประเทศ

วันที่: 9 พฤษภาคม 2549
เลขที่หนังสือ

กค 0706(กม.08)/577

วันที่

9 พฤษภาคม 2549

ข้อกฎหมาย

ข้อ 11 วรรคสอง (ก) แห่งอนุสัญญาระหว่างไทยกับสหรัฐและมาตรา 70 แห่ง ประมวลรัษฎากร

เลขตู้

69/34163

ข้อหารือ

     1. ด้วย ภญ. ได้มีบันทึกด่วนที่สุด ลงวันที่ 5 เมษายน 2549 หารือข้อกฎหมาย
เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเงินได้จากหลักทรัพย์ให้กับ Custodian ใน
ต่างประเทศ ราย บริษัทฯ โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้
      1.1 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้เพื่อออกจำหน่ายในต่างประเทศ โดยให้ Depository
Trust Company (DTC) เป็นผู้ดูแลหุ้นกู้ทั้งหมด (Custodian) และเมื่อครบกำหนดการจ่าย
ดอกเบี้ยหุ้นกู้ บริษัทฯ จึงจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ DTC โดยหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย
และนำส่งไว้ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ค่าดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 82,352,423.38
บาท ซึ่งจำนวนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายดังกล่าวเป็นภาษีที่บริษัทฯ ออกให้
      1.2 ต่อมาบริษัทฯ ตรวจพบว่า DTC เป็นสถาบันการเงินและมีถิ่นที่อยู่ใน
ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามข้อ 11 วรรคสอง (ก) ของอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกัน
การเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ บัญญัติว่า หากเจ้าของผลประโยชน์
ของดอกเบี้ยเป็นสถาบันการเงินใด ๆ (รวมทั้ง บริษัทประกันภัย) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศ
คู่สัญญา ดอกเบี้ยที่จ่ายนั้นให้เก็บภาษีได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนดอกเบี้ยที่จ่าย ดังนั้น
บริษัทฯ จึงยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากร (ค.10) เลขที่ 0151/48 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2548
ขอคืนเงินภาษีหักจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ประจำเดือนภาษี
กุมภาพันธ์ 2548 จำนวน 30,500,897.55 บาท
      2.ภญ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามคำนิยาม Custodian หมายถึง ผู้ดูแลและเก็บ
รักษาหลักทรัพย์หรือผู้รับฝากทรัพย์สิน ได้แก่ ธนาคารและสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่ดูแล
และเก็บรักษาใบหุ้น และสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร เป็นต้น ให้แก่กองทุนส่วนบุคคล
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพบุคคลธรรมดา หรือบริษัทที่เป็นลูกค้าของ Custodian ซึ่งกรณีตาม
ข้อเท็จจริง DTC เข้าลักษณะเป็น Custodian จึงเป็นสถาบันการเงิน
      สำหรับกรณีบริษัทฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อ 11 วรรคสอง (ก) ของ
อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาฯ หรือไม่นั้น
ต้องพิจารณาว่า เจ้าของผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็น Custodian หรือผู้ถือหุ้นกู้
ซึ่งตามข้อเท็จจริง Custodian เป็นเพียงผู้รับฝากหลักทรัพย์หรือรับฝากทรัพย์สิน คล้ายกับ
กรณีบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นเพียงผู้รับฝากหลักทรัพย์ มิใช่เป็นผู้รับ
ผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริง เจ้าของผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริง คือ ผู้ถือหุ้นกู้
ดังนั้น หากบริษัทฯ หรือผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริงพิสูจน์ได้ว่า
ผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ มิใช่เป็นการได้รับในนาม Custodian
เมื่อบริษัทฯ จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้แก่ DTC บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมิน
ที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 10 แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่า ผู้ใดเป็นผู้รับผลประโยชน์
ของดอกเบี้ยที่แท้จริง บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายสำหรับการจ่าย
ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร

แนววินิจฉัย

     3. เรื่องดังกล่าวได้นำเข้าหารือในที่ประชุมของคณะกรรมการ กพภ. ครั้งที่ 8/2549
วันที่ 18 เมษายน 2549 แล้ว (เอกสารแนบ) ซึ่งที่ประชุมมีมติว่า
      3.1 เนื่องจากข้อ 11 วรรคสอง (ก) แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาฯ บัญญัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากดอกเบี้ย
สรุปได้ว่า ดอกเบี้ยจ่ายจากประเทศใด ให้ประเทศนั้นเป็นผู้เก็บภาษีได้ตามกฎหมายภาษีอากร
ของประเทศนั้น แต่หากเจ้าของผลประโยชน์ของดอกเบี้ยเป็นสถาบันการเงินใด ๆ (รวมทั้ง
บริษัทประกันภัย) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศคู่สัญญา ดอกเบี้ยที่จ่ายนั้นให้เก็บภาษีได้ไม่เกิน
ร้อยละ 10 ของจำนวนดอกเบี้ยที่จ่าย
      3.2 กรณีตามข้อเท็จจริง หาก DTC เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้และมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นกู้ของ
บริษัทฯ ที่แท้จริง DTC จึงเป็นเจ้าของผลประโยชน์ของดอกเบี้ยหรือผู้รับผลประโยชน์ของ
ดอกเบี้ยที่แท้จริง เมื่อบริษัทฯ จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้แก่ DTC บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษี
จากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 10 ตามมาตรา 70 แห่ง
ประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 11 วรรคสอง (ก) แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาฯ อย่างไรก็ดี หาก DTC เป็นตัวแทนของ
ผู้ถือหุ้นกู้ที่แท้จริงในการดูแลและเก็บรักษาหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ ให้แก่ลูกค้า เช่น
ใบหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร เป็นต้น โดย DTC มิใช่เจ้าของผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริง
เมื่อบริษัทฯ จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้แก่ DTC บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมิน
ที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
อย่างไรก็ดี หากผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งเป็นลูกค้าของ DTC พิสูจน์ได้ว่า ผู้ถือหุ้นกู้เป็นสถาบันการเงิน
หรือบริษัทประกันภัยตั้งขึ้นตามกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นเจ้าของผลประโยชน์
ของดอกเบี้ยหรือผู้รับผลประโยชน์ของดอกเบี้ยที่แท้จริง เมื่อบริษัทฯ จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้แก่
DTC บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายสำหรับการจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา
ร้อยละ 10 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 11 วรรคสอง (ก) แห่ง
อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาฯ