views

ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีค่าปรับเนื่องจากการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากร

วันที่: 7 มิถุนายน 2549
เลขที่หนังสือ

กค 0706/4940

วันที่

7 มิถุนายน 2549

ข้อกฎหมาย

มาตรา 82/3 มาตรา 82/5 (3) มาตรา 65 ตรี (6) และมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

69/34277

ข้อหารือ

     บริษัท อ. จำกัด ประกอบกิจการท่าเทียบเรือตู้สินค้า (Container) ตั้งอยู่ที่ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ท่าเทียบเรือบี 3 จังหวัดชลบุรี ซึ่งการท่าเรือฯ ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้ท่าเทียบเรือบี 3 เป็นเขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรสำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้นรวมทั้งเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2542 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้ตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้า ซึ่งนำเข้าโดยเรือของบริษัท ว. จำกัด ซึ่งจะขนถ่ายสินค้านำไปเก็บรักษา ณ ทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าของบริษัทฯ ที่ท่าเทียบเรือ ได้ถูกลักลอบหนีภาษีศุลกากรโดยพนักงานของบริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบบกพร่องต่อหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้นาย ส. พนักงานของบริษัท ว. (บริษัทตัวแทนเรือ) กระทำการปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ เป็นเหตุให้สามารถลักลอบสินค้าที่นำเข้า ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ถูกบรรทุกโดยรถบรรทุกของบุคคลภายนอกและลักลอบหนีศุลกากรได้ทันที จึงมีผลทำให้บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัท ว. ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร บริษัทฯ ได้ทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร พร้อมกับขอชำระค่าปรับจำนวน 15,513,929.00 บาท ค่าอากรขาเข้า 2,065,438.00 บาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,014,926.00 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 คณะกรรมการเปรียบเทียบงดการฟ้องร้อง ได้มีมติให้งดการฟ้องร้องตามที่บริษัทฯ ได้ขอทำความตกลงและผลจากการที่คณะกรรมการเปรียบเทียบอนุมัติดังกล่าว ให้ถือว่า เป็นอันคุ้มกันผู้กระทำผิดนั้น ในการที่จะถูกฟ้องร้องต่อไปในกรณีแห่งความผิดนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
     1. ค่าปรับจำนวน 15,513,929.00 บาท ที่บริษัทฯ เสียแทนผู้นำเข้า มิใช่ค่าปรับทางอาญาตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ 10/2528 เรื่อง เบี้ยปรับ และหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับทางอาญาตามมาตรา 65 ตรี (6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2528
     2 ค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าที่ถูกลักลอบหนีศุลกากรไปเป็นจำนวน 3,080,364.00 บาท (อากรขาเข้า 2,065,438.00 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,014,926.00 บาท) ที่บริษัทฯ เสียแทนผู้นำเข้า บริษัทฯ มีสิทธินำมาถือเป็นภาษีซื้อได้ถูกต้องหรือไม่
     3 ถ้าบริษัท ว. ปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดกับกรมศุลกากร และขอต่อสู้คดี บริษัทฯ มีสิทธินำค่าปรับ มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งหมดถูกต้องหรือไม่
     4 กรณีบริษัทฯ ใช้สิทธิไล่เบี้ยบริษัท ว. โดยยื่นฟ้องต่อศาล แต่ถูกปฏิเสธการจ่าย อีกทั้งบริษัท ว. ได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากบริษัทฯ หากคดีถึงที่สุดโดยมีคำพิพากษาว่า บริษัทฯ ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยค่าปรับฯ หรือคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันประนีประนอมยอมความในศาล และระบุในสัญญาให้บริษัทฯ ต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายตามฟ้องแย้ง บริษัทฯ มีสิทธินำค่าปรับที่ไล่เบี้ยไม่ได้ รวมทั้งค่าเสียหายที่ฟ้องแย้งนั้น มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่

แนววินิจฉัย

     1. กรณีตาม 1 ค่าปรับจำนวน 15,513,929.00 บาท ที่บริษัทฯ ต้องรับผิดในฐานะคลังสินค้าเมื่อปรากฏว่า ของในคลังสินค้าได้ถูกขนย้ายไปโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานตามมาตรา 96 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 อันเป็นความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบกับมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 ซึ่งกรมศุลกากรไม่สามารถติดตามจากผู้นำเข้า กรณีถือได้ว่า เป็นผลเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากกิจการ บริษัทฯ มีสิทธินำผลเสียหายดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6) และมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร
     2. กรณีตาม 2 ค่าอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ เสียแทนผู้นำเข้าตามหนังสือทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร เป็นจำนวนเงิน 3,080,364.00 บาท (อากรขาเข้า 2,065,438.00 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,014,926.00 บาท) จึงเป็นรายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ บริษัทฯ ไม่มีสิทธินำค่าอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 ตรี (3) ประกอบกับมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร และบริษัทฯ ไม่มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมศุลกากรเรียกเก็บมาถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นภาษีซื้อที่ไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/5 (1) (2) (3) และ (4) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534
     3. กรณีตาม 3 และ 4 ถ้าบริษัท ว. ปฏิเสธความรับผิดทั้งหมดกับกรมศุลกากร และ กรณีบริษัทฯ ใช้สิทธิไล่เบี้ยบริษัท ว. โดยยื่นฟ้องต่อศาล และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า บริษัทฯ ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยค่าปรับ บริษัทฯ ยังคงมีสิทธินำค่าปรับตาม 1 มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้
          กรณีบริษัท ว. ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายกับบริษัทฯ หากคดีถึงที่สุดโดยคำพิพากษาว่า หรือคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันโดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล โดยระบุให้บริษัทฯ ต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายตามฟ้องแย้ง ถือได้ว่า เป็นผลเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากกิจการ บริษัทฯ มีสิทธินำผลเสียหายดังกล่าวนอกเหนือจากค่าปรับตาม 1 มาหักเป็นรายจ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6) และมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร