views

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

วันที่: 21 มิถุนายน 2555
เลขที่หนังสือ

กค 0702/พ./5166

วันที่

21 มิถุนายน 2555

ข้อกฎหมาย

มาตรา 77/1(8) มาตรา 77/1(9) มาตรา 77/1(13) มาตรา 77/1(14) มาตรา 77/2 และมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

75/38168

ข้อหารือ

          บริษัทฯ ประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประเภทสับปะรดกระป๋อง และน้ำสับปะรดเข้มข้น ได้ขายสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ ประเทศนิวซีแลนด์ (ผู้ซื้อ) ในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน บริษัทฯ จะติดต่อผ่านตัวแทนผู้ซื้อ ซึ่งประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขาย (Proforma Invoice) กับผู้ซื้อ โดยตกลงขายน้ำสับปะรดเข้มข้น จำนวน 381.60 ตัน (จำนวน 20 ตู้คอนเทนเนอร์) ในราคา FOB ตันละ 1,410 เหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 538,056 เหรียญสหรัฐ กำหนดเงื่อนไขการจัดส่งสินค้าเดือนมีนาคม - มิถุนายน 2552 เดือนละ 5 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยผู้ซื้อ จะเป็นผู้แจ้งสถานที่และประเทศปลายทางในการจัดส่งสินค้า และกำหนดเงื่อนไขการชำระค่าสินค้า โดยผู้ซื้อ จะโอนเงินดอลลาร์สหรัฐ (T/T) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของบริษัทฯ ล่วงหน้า 7 วันก่อนเรือออก แต่เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ครบตามสัญญา จึงถูกผู้ซื้อฟ้องศาลให้บริษัทฯ ส่งสินค้าที่เหลือ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี โดยบริษัทฯ จะต้องส่งน้ำสับปะรดเข้มข้นให้กับผู้ซื้อ จำนวน 92 ตู้คอนเทนเนอร์ (1 ตู้คอนเทนเนอร์ เท่ากับ 19.08 ตัน) ในราคา 17 ตู้แรกตันละ 1,410 ดอลล่าร์สหรัฐ และส่วนที่เหลืออีก 76 ตู้คอนเทนเนอร์ ในราคาตันละ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ การชำระค่าสินค้า ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าสินค้าให้บริษัทฯ ล่วงหน้า 7 วันก่อนการส่งมอบ โดยวางเงินไว้ที่ศาล ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2553 บริษัทฯ ได้จัดส่งน้ำสับปะรดเข้มข้นให้ผู้ซื้อ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานและการจัดทำเอกสารดังนี้

          1. บริษัทฯ แจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่าสินค้าผลิตเสร็จพร้อมส่งมอบ ซึ่งตัวแทนผู้ซื้อได้ติดต่อจองเรือพร้อมแจ้งสถานที่จัดส่งให้บริษัทฯ ทราบ บริษัทฯ จึงจัดส่งสินค้าน้ำสับปะรดเข้มข้น จำนวน 72 ถัง (จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์) ตามใบส่งสินค้าของบริษัทฯ เล่มที่ 001 เลขที่ 0037 ไปส่งที่ท่าเรือตามคำสั่งของตัวแทนผู้ซื้อ

          2. บริษัทฯ ได้ดำเนินพิธีการศุลกากรโดยระบุบริษัทฯ เป็นผู้ส่งออก ตามใบขนสินค้าขาออก

          3. บริษัทฯ จัดทำเอกสาร COMMERCIAL INVOICE พร้อม PACKING LIST เลขที่ CIF 10/0348 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 ออกให้ผู้ซื้อผ่านตัวแทนผู้ซื้อในประเทศไทย โดยระบุสินค้าน้ำสับปะรดเข้มข้น 60 บริกซ์ จำนวน 19.08 ตัน เป็นเงิน 26,902.80 เหรียญสหรัฐ

          4. ตัวแทนผู้ซื้อจัดทำใบตราส่ง (Bill of Lading หรือ B/L) โดยต้นฉบับ (ORIGINAL) ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และระบุชื่อตัวแทนผู้ซื้อเป็นผู้ส่งออก (Shipper) ส่วนฉบับสำเนา (NON NEGOTIABLE) ระบุชื่อบริษัทฯ เป็นผู้ส่งออก (Shipper) พร้อมส่งฉบับสำเนาให้บริษัทฯ ไว้เป็นหลักฐาน

          5. ตัวแทนผู้ซื้อได้ชำระเงินให้บริษัทฯ เป็นเงินสกุลบาท จำนวนเงิน 869,767.52 บาท (แปดแสนหกหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยหกสิบเจ็ดบาทห้าสิบสองสตางค์) โดยอ้างว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในการนำเงินไปวางศาล ไม่สามารถชำระเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือโดยการโอนเงิน T/T ได้

          บริษัทฯ จึงหารือว่า ในการส่งมอบสินค้าตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือว่าบริษัทฯ เป็นผู้ส่งออกที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่

แนววินิจฉัย

          กรณีบริษัทฯ ได้ทำสัญญาขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกค้าในต่างประเทศ (ประเทศนิวซีแลนด์) ผ่านตัวแทนผู้ซื้อในประเทศไทย ต่อมามีการผิดสัญญา และได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน บริษัทฯ ผู้ผิดสัญญาจึงชำระหนี้ให้ผู้ซื้อเป็นจำนวนเงิน 183,494.32 เหรียญสหรัฐ สำหรับค่าเสียหายตามสัญญาประนีประนอมยอมความส่วนที่เหลือจำนวน 48,000 เหรียญสหรัฐ บริษัทฯ ชำระเป็นสินค้าแทนการชำระด้วยเงิน ซึ่งเข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) ประกอบมาตรา 77/1(9) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ แม้ว่าจะระบุชื่อตัวแทนผู้ซื้อเป็นผู้ส่งออกในใบตราส่งต้นฉบับ (B/L) แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินพิธีการศุลกากรโดยระบุบริษัทฯ เป็นผู้ส่งออกตามใบขนสินค้าขาออกให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ เป็นผู้จัดทำเอกสาร COMMERCIAL INVOICE พร้อม PACKING LIST ออกให้ผู้ซื้อผ่านตัวแทนผู้ซื้อในประเทศไทย การขายสินค้าของบริษัทฯ ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการส่งออก ตามมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงเป็นผู้ส่งออกตามมาตรา 77/1(13) แห่งประมวลรัษฎากร และได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร