views

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการส่งออกสินค้าที่จะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0

เลขที่หนังสือ

กค 0702/3473

วันที่

-

ข้อกฎหมาย

มาตรา 80/1(1) มาตรา 82/3 และมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

-

ข้อหารือ

          1. บริษัทฯ ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าประเภทอุปกรณ์โทรคมนาคม จากบริษัท B จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (บริษัท B ) เพื่อขายสินค้า ให้บริการติดตั้ง บำรุงรักษา ซ่อมแซมเครื่องจักร และฝึกอบรมให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ

          2. ในปี 2548 และปี 2549 บริษัทฯ ได้ส่งสินค้าออกไปให้บริษัท B มูลค่าเท่ากับ 557,629,253.00 บาท และ 289,124,933.00 บาท ตามลำดับ เหตุที่บริษัทฯ ส่งสินค้าไปยังบริษัท B เพราะ

               2.1 เป็นการส่งออกสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศที่ได้เสียภาษีอากรไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ภายหลังได้นำส่งกลับออกไปซ่อมยังบริษัท B แล้วนำกลับเข้ามาภายในหนึ่งปีหลังจากได้รับใบสิทธินำกลับเข้ามาซึ่งได้ ออกให้ในขณะส่งออกแล้ว

               2.2 เป็นการส่งออกสินค้าทดลองใช้ที่นำเข้ามาเมื่อปี 2547 และลูกค้าในประเทศไทยไม่พอใจ

               บริษัทฯ ได้ส่งสินค้าดังกล่าวกลับคืนไปให้บริษัท B ในปี 2548 และปี2549 โดยไม่มีการชำระเงิน ค่าสินค้า แต่บริษัท B จะลดหนี้ให้ด้วยการหักออกจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัท B กรณีดังกล่าวเป็นการส่งคืนสินค้า ซึ่งไม่เป็นยอดขายสินค้าของบริษัทฯ จึงไม่มีคำสั่งซื้อและไม่มีหลักฐานการชำระเงิน โดยสินค้าที่ทดลองใช้ที่ส่งออกไปมีรหัสสินค้า

          3. บริษัทฯ ไม่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 จากยอดส่งออก เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.97/2543 เรื่อง การส่งออกสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543

          4. บริษัทฯ เข้าใจว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการส่งออก มีสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 สำหรับ การส่งออกสินค้าจากบริษัทฯ ไปยังบริษัท B ตามมาตรา 77/1(14) และมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร และ ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานการชำระเงินค่าสินค้า ตามหลักเกณฑ์ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.97/2543ฯ ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เพราะคำสั่งกรมสรรพากรฉบับดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ในการตรวจสอบแนะนำแก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนกรณีส่งออกเท่านั้น มิใช่กฎหมายที่บริษัทฯ จะต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น การเป็นผู้ประกอบการส่งออกหรือไม่ ให้พิจารณาจากหลักฐานการส่งออกสินค้า และการบรรจุหีบห่อว่ามี การส่งออกก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้บริษัทฯ มีความเห็นว่า แม้การคืนสินค้ามิใช่การขายสินค้าซึ่งอยู่ในบังคับต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ก็ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีขายเนื่องจากรายการดังกล่าวมิใช่การขายสินค้า บริษัทฯ จึงไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 สำหรับการส่งออกเพื่อคืนสินค้าดังกล่าว

แนววินิจฉัย


          1. กรณีบริษัทฯ ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรไปให้บริษัท B ในต่างประเทศเมื่อปี 2548 และปี 2549 หากดำเนินพิธีการศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ บริษัทฯ มีสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากรโดยเอกสารที่จะพิสูจน์การส่งออก เจ้าพนักงานประเมินอาจพิจารณาจากเอกสาร ตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.97/2543ฯ ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2543 แต่อย่างไรก็ดี หากบริษัทฯ มีหลักฐานเกี่ยวกับการส่งออกที่แสดงถึงการส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศเป็นใบขนสินค้า ออกในนามของบริษัทฯ ที่มีการสลักหลังตรวจปล่อยสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร แม้หลักฐานอื่นจะไม่เป็นไปตาม ข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว แต่บริษัทฯ มีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบกับใบขนสินค้า ขาออกดังกล่าว ที่สามารถพิสูจน์ให้เจ้าพนักงานประเมินเห็นได้ว่า บริษัทฯ เป็นผู้ส่งออกและได้มีการส่งออกจริง ถือเป็นการส่งออกสินค้าตามมาตรา 77/1(14) แห่งประมวลรัษฎากร ย่อมได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร

          2. กรณีบริษัทฯ ได้นำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระ ณ วันที่นำเข้าสินค้าไปใช้เครดิตภาษีและขอคืนภาษี หาก ภาษีซื้อที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของบริษัทฯ บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีซื้อดังกล่าวไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามมิให้นำไปหักออกจากภาษีขายตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร