กค 0702/5170
30 มิถุนายน 2552
มาตรา 47(7)(ข) และมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
72/36717
วัดฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างเสนาสนะ และ ก่อสร้างพระอุโบสถ มีผู้ร่วมอนุโมทนาถวายปัจจัยสมทบทุน สร้างพระอุโบสถอยู่เนือง ๆ วัดฯ ขอหารือว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ถวายเงินหรือสิ่งของที่คำนวณมูลค่าเป็นจำนวนเงินให้แก่วัดฯ วัดฯ สามารถซื้อใบอนุโมทนาบัตร ที่โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มาออกเป็นหลักฐานให้แก่ผู้บริจาคเพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี ได้หรือไม่
1. กรณีใบอนุโมทนาบัตร กฎหมายไม่ได้กำหนดรูปแบบไว้ ดังนั้น หากใบอนุโมทนาบัตรแสดงได้ว่า ผู้บริจาคได้บริจาคให้วัดฯ และวัดฯ ได้รับบริจาคจริง ใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าวย่อมเป็นหลักฐานการรับบริจาคได้
2. กรณีผู้ที่ได้รับใบอนุโมทนาบัตรจากการบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน ให้แก่วัดฯ ถือเป็นการบริจาคให้แก่ วัดวาอาราม ตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และ สถานศึกษาตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3(4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ดังนั้น ผู้บริจาคดังกล่าว จึงมีสิทธิ ดังนี้
2.1 กรณีบุคคลธรรมดา บริจาคเงินให้แก่วัดฯ มีสิทธินำเงินบริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เท่าจำนวนที่บริจาคแต่ต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือหลังจากได้หักลดหย่อน ตามมาตรา 47(1)(2)(3)(4)(5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว และต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น หากบริจาคเป็นทรัพย์สินให้แก่วัดฯ ผู้บริจาคไม่มีสิทธินำมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
2.2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่วัดฯ เข้าลักษณะเป็นรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายในการ คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร