กค 0811/09883
29 มิถุนายน 2541
มาตรา 41, มาตรา 50, มาตรา 65, มาตรา 65 ทวิ (5), มาตรา 77/2
61/26832
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคลังบรรจุเคมีภัณฑ์ และคลังน้ำมัน คนงานส่วนใหญ่
เป็นช่างฝีมือ เช่น ช่างเชื่อม ช่างประกอบ เป็นต้น ได้ติดต่อบริษัทในประเทศสิงคโปร์แห่งหนึ่ง ที่มี
ความต้องการแรงงานฝีมือ ประมาณ 30-50 คน เพื่อจัดส่งแรงงานออกไปทำงานชั่วคราว ประมาณ
6-9 เดือน โดยมีข้อตกลงกับทางบริษัทในสิงคโปร์ว่า บริษัทฯ จะรับผิดชอบจ่ายเงินเดือนและ
ค่าล่วงเวลาให้แก่คนงานแต่ละคน โดยการจ่ายเข้าบัญชีเงินเดือนของคนงานแต่ละคนในประเทศไทย
ตามบัตรลงเวลาทำงานที่ทางสิงคโปร์ จะส่งมาให้ทางไปรษณีย์และทำเบิกไปทางสิงคโปร์เป็นเดือน ๆ
ในอัตราที่ได้ตกลงกันตามสัญญาจัดหาคนงาน ซึ่งจำนวนนี้ได้รวมต้นทุนค่าแรงของคนงาน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องไว้เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ขอทราบว่า
1. สัญญาจัดหาคนงานดังกล่าวไม่ได้ระบุจำนวนเงิน จำนวนคนงาน และระยะเวลาที่
แน่นอน เพียงแต่กำหนดอัตราค่าแรงต่อชั่วโมงของแต่ละตำแหน่งที่จะใช้ในการเรียกเก็บเงินกับทางบริษัท
ในสิงค์โปร์ การเซ็นสัญญาดังกล่าวใช้วิธีส่งทางไปรษณีย์ สัญญาดังกล่าวนี้ต้องติดอากรแสตมป์หรือไม่ และ
รายรับที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากบริษัทในประเทศสิงคโปร์แต่ละเดือนไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจาก
เป็นการให้บริการนอกประเทศใช่หรือไม่
2. รายรับที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากบริษัทในประเทศสิงคโปร์ นั้นเป็นเงินตราต่างประเทศ
และมีข้อตกลงว่าทุกครั้งของการชำระเงิน บริษัทในสิงคโปร์จะหักไว้ 40-60% เพื่อหักกลบลบหนี้ค่า
เครื่องจักรที่บริษัทฯ ติดค้างไว้ตั้งแต่ปี 2538 และโอนส่วนที่เหลือมาให้ จึงขอหารือว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่
บริษัทฯ จะใช้ในการบันทึกการชำระหนี้นั้นต้องเป็นอัตราเดียวกับอัตราที่บริษัทฯ ได้รับชำระเงินมา
ใช่หรือไม่
3. บริษัทฯ จะต้องคำนวณกำไรสุทธิสำหรับงานรับเหมาค่าแรง โดยบันทึกยอดเงินที่เบิก
จากบริษัทต่างประเทศเป็นรายรับและบันทึกค่าแรง ค่าล่วงเวลาที่จ่ายเข้าบัญชีเงินเดือนคนงาน รวมทั้ง
ค่าใช้จ่ายในการสื่อสารอื่น ๆ เป็นต้นทุน เพื่อคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตอนสิ้นปี ถูกต้องหรือไม่
4. บริษัทฯ ยังคงมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย คนงานตามยอดค่าแรงและค่าล่วงเวลาที่
บริษัทฯ จ่ายเข้าบัญชีและนำส่งกรมสรรพากรทุกเดือนตามปกติใช่หรือไม่
1. กรณีตาม 1. เป็นสัญญารับเหมาจัดหาคนงานไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัทฯ
จะเรียกเก็บค่าแรงคนงานตามอัตราที่ตกลงกันในสัญญาจัดหาคนงาน เข้าลักษณะเป็นสัญญารับจ้างทำของ
ต้องเสียอากรแสตมป์ตามลักษณะแห่งตราสาร 4. ของบัญชีอัตราอากรแสตมป์ แต่ถ้าสัญญารับจ้างดังกล่าว
กระทำขึ้นในต่างประเทศ และการปฏิบัติงานของคนงานมิได้ทำในประเทศไทย จะไม่ต้องเสีย
อากรแสตมป์แต่อย่างใด
สำหรับค่าจ้างที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากบริษัทในประเทศสิงคโปร์ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ใช่เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร ตามมาตรา 77/2 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีตาม 2. บริษัทฯ ได้รับชำระหนี้จากบริษัทในประเทศสิงคโปร์เป็นเงินตรา
ต่างประเทศ บริษัทฯ จะต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับชำระหนี้ โดย
ต้องคำนวณจากค่าบริการทั้งจำนวนจะหักกลบลบหนี้ค่าเครื่องจักรที่บริษัทฯ ติดค้างบริษัทในประเทศ
สิงคโปร์ก่อนไม่ได้ ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีบริษัทฯ ชำระหนี้ค่าเครื่องจักรให้บริษัทในประเทศสิงคโปร์เป็นเงินตราต่างประเทศ
บริษัทฯ จะต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาด ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง
แห่งประมวลรัษฎากรเช่นเดียวกัน สำหรับกรณีที่บริษัทฯ มีหนี้สินคงเหลืออยู่ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
เป็นเงินตราต่างประเทศ บริษัทฯ จะต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่
ธนาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ ทั้งนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (5) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเกิดจากการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา
ต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำมาถือเป็น
รายได้หรือรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าว
ได้ทั้งจำนวน
3. กรณีตาม 3. บริษัทฯ ต้องนำรายได้และรายจ่ายจากการรับเหมาแรงงานดังกล่าวมา
คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
4. กรณีตาม 4. คนงานดังกล่าวมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 41
วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1)
แห่งประมวลรัษฎากร