กค 0706/5470
29 มิถุนายน 2549
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 410)
69/34326
บริษัทฯ เป็นลูกหนี้ของบริษัทเงินทุน ซึ่งต่อมาบริษัทเงินทุนฯ ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคล
ล้มละลายอันมีผลให้สถานะความเป็นบริษัทเงินทุนฯ เลิกกัน ณ วันที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษา
บริษัทเงินทุนฯ จึงสิ้นสภาพความเป็นสถาบันการเงินนับแต่วันดังกล่าว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่ง
ได้เข้ากระทำการแทนบริษัทเงินทุนฯ บริษัทฯ จึงขอให้กรมสรรพากรพิจารณาว่า
1. กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการประนอมหนี้ดังกล่าวนี้จะอนุโลม
ถือว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสถานะเป็น "เจ้าหนี้สถาบันการเงิน" ตามความของพระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ 410) พ.ศ.2545 หรือจะถือเสมือนหนึ่งว่า ได้ทำกับสถาบันการเงิน ได้หรือไม่
2. กรณีบันทึกข้อความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ทำขึ้นเพื่อแสดงว่า ได้ส่งมอบโฉนดที่ดินที่
บริษัทฯ ได้จำนองไว้กับบริษัทเงินทุนฯ คืนให้แก่บริษัทฯ จะถืออนุโลมให้เป็นหนังสือรับรองการโอน
อสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินและอธิบดีกรมสรรพากรตามที่กำหนดให้ต้อง
กระทำตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษี
เงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับจำนวนเงินที่ได้รับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ของ
ลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่นำมาจำนองเป็นประกันหนี้ของเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินให้แก่ผู้อื่นซึ่ง
มิใช่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน เพื่อนำไปชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน ซึ่งได้
ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดลงวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2546 ได้หรือไม่
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 410) พ.ศ.2545 ใช้บังคับกับหนี้ที่ต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
และคำว่า "เจ้าหนี้สถาบันการเงิน" มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิใน
การที่จะได้รับยกเว้นภาษีอากร จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะยกเว้นภาษีอากร
ให้เฉพาะการดำเนินการใดๆ ภายใต้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่ได้กระทำระหว่างลูกหนี้ของสถาบันการเงิน
และเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น และลูกหนี้ของสถาบันการเงินกับเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน
จะต้องร่วมกันจัดทำหนังสือรับรองหนี้ที่ต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยหนังสือรับรองดังกล่าวต้องมี
ข้อความอย่างน้อยตามแบบหนังสือรับรองที่ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2546 กำหนด
ดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างบริษัทฯ กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่เข้าลักษณะใด
ลักษณะหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว กรณีจึงไม่อาจตีความโดยอนุโลมว่า
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน หรือเป็นการกระทำ
ของเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ส่วนบันทึกข้อความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ทำขึ้นเพื่อแสดงว่า ได้ส่งมอบโฉนดที่ดิน
ที่บริษัทฯ ได้จำนองไว้กับบริษัทเงินทุนฯ คืนให้แก่บริษัทฯ นั้น ไม่มีลักษณะและข้อความอย่างน้อยตามประกาศอธิบดี
กรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2546 กรณีจึงไม่อาจได้ถือว่า บันทึกข้อความฉบับดังกล่าวเป็นหนังสือรับรองหนี้
ที่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินและลูกหนี้ของสถาบันการเงินได้ร่วมกันจัดทำเพื่อแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรด้วยเช่นเดียวกัน