views

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการแจ้งการประเมินภาษี

วันที่: 14 มิถุนายน 2547
เลขที่หนังสือ

กค 0706/พ./5600

วันที่

14 มิถุนายน 2547

ข้อกฎหมาย

มาตรา 85/8, ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131)ฯ

เลขตู้

67/32984

ข้อหารือ

     1. บริษัทฯ จดทะเบียนนิติบุคคล เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2537 จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อ
วันที่ 19 กันยายน 2537 ณ สถานประกอบการตั้งอยู่จังหวัดนนทบุรี และแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) ไปอยู่ ณ สถานประกอบการ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม
2543
     2. จากการตรวจสอบใบกำกับภาษีซื้อของบริษัทฯ สำหรับปี พ.ศ. 2543 ปรากฏว่า บริษัทฯ
ไม่สามารถนำส่งใบกำกับภาษีซื้อได้ครบถ้วน ประกอบกับจำนวนเงินในใบกำกับภาษีซื้อสูงผิดปกติ และมี
รายการซื้อสินค้ารายการเดียวกันซ้ำกันเป็นจำนวนมาก สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้
แจ้งให้ทางบริษัทฯ ทราบเพื่อปรับปรุงชำระภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้องตามคำให้การ (ต.6) เมื่อวันที่ 2
เมษายน 2546
     3. จากการคัดค้นข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปรากฏว่าบริษัทฯ ได้
แจ้งย้ายสถานประกอบการไปตั้งอยู่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่บริษัทฯ ได้จดทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในครั้งแรก และมิได้มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) ย้าย
สถานประกอบการไปแต่อย่างใด
     สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงขอทราบว่า กรณีบริษัทฯ แจ้งย้าย
สถานประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่มิได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) ย้ายสถานประกอบการ และบริษัทฯ ยังคงยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ภ.พ.30) ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร อำนาจการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มราย บริษัทฯ
ของเจ้าพนักงานประเมินเป็นของท้องที่ใด

แนววินิจฉัย

     1. กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนประสงค์จะย้ายสถานประกอบการ ให้ผู้ประกอบการ
จดทะเบียนนั้นแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้
ก่อนวันย้ายสถานประกอบการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ตามมาตรา 85/8 แห่งประมวลรัษฎากร และการย้าย
สถานประกอบการดังกล่าว หมายถึงวันที่ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงที่ตั้งของสถานประกอบการตาม
ความเป็นจริง มิใช่วันที่แจ้งย้ายต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ตามข้อ 1 วรรคหนึ่ง (4) ของ
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131) เรื่อง กำหนดแบบ หลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการออกใบทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545
     2. กรณีตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัทฯ ได้จดทะเบียนนิติบุคคลและจดทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อปี พ.ศ. 2537 โดยมีสถานประกอบการตั้งอยู่ จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2543
บริษัทฯ ได้แจ้งย้ายสำนักงานและเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) ย้ายสถานประกอบการ
ไปอยู่กรุงเทพมหานคร และต่อมาบริษัทฯ ได้แจ้งย้ายสถานประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ ไปอยู่จังหวัดนนทบุรี แต่บริษัทฯ มิได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ภ.พ.09) ย้ายสถานประกอบการไปแต่อย่างใด โดยบริษัทฯ ยังคงยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ภ.พ.30) ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร และผู้รับมอบอำนาจของบริษัทฯ ได้เคยมาพบและ
ให้การต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรับทราบผลการสอบยันใบกำกับภาษีซื้อ
ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2546 ว่าบริษัทฯ มีสถานประกอบการตั้งอยู่กรุงเทพมหานคร เมื่อ
บริษัทฯ มิได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มย้ายสถานประกอบการตามมาตรา 85/8 แห่ง
ประมวลรัษฎากร จึงถือได้ว่าบริษัทฯ มีสถานประกอบการอยู่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากการย้าย
สถานประกอบการ หมายถึง วันที่ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงที่ตั้งของสถานประกอบการตามความเป็นจริง มิใช่
วันที่แจ้งย้ายต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ตามข้อ 1 วรรคหนึ่ง (4) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 131)ฯ ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินสังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่
กรุงเทพมหานคร ซึ่งบริษัทฯ มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตท้องที่ จึงมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มกับ
บริษัทฯ ได้ ตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2 วรรคหนึ่ง (3) และ วรรคสอง ของ
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 39)ฯ ลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.
2545