views

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงที่เป็นค่าที่พักเหมาจ่าย

วันที่: 31 มกราคม 2555
เลขที่หนังสือ

กค 0702/909

วันที่

31 มกราคม 2555

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2538ฯ

เลขตู้

75/909

ข้อหารือ

          บริษัทฯ แจ้งว่า กรณีตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ได้วางแนวทางปฏิบัติกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรือผู้รับทำงานให้ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราว หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นโดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์ แต่หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ

          บริษัทฯ จึงขอหารือว่า กรณีพนักงานของบริษัทฯ เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงที่เป็นค่าที่พักเหมาจ่ายเกินกว่าอัตราที่ทางราชการกำหนด เฉพาะส่วนที่ไม่เกินอัตราที่ทางราชการกำหนดในลักษณะเหมาจ่ายจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ต้องนำไปรวมเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงาน ใช่หรือไม่

แนววินิจฉัย

          กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่ลูกจ้างหรือผู้มีหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรือผู้รับทำงานให้ได้รับเนื่องจากการเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่นอกสำนักงานหรือนอกสถานที่เป็นครั้งคราวในลักษณะเหมาจ่าย กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติไว้แล้ว ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ดังนี้

          1. หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้นโดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์

          2. หากบุคคลดังกล่าวได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ

          คำว่า "เบี้ยเลี้ยง" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง "เงินที่จ่ายให้เป็นค่าอาหารประจำวันในกรณีที่ออกทำงานนอกสถานที่ตั้งประจำ" ดังนั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงจึงหมายถึงเฉพาะค่าอาหารประจำวันเท่านั้น ประกอบกับตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 กำหนดให้ผู้เดินทางไปปฏิบัติราชการนอกสถานที่เบิกค่าใช้จ่ายได้ โดยแยกเป็นบัญชีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและบัญชีค่าเช่าที่พัก ดังนั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 59/2538ฯ ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2538 จึงหมายถึงเฉพาะเงินที่จ่ายเป็นค่าอาหารประจำวันเท่านั้นไม่รวมถึงค่าเช่าที่พัก

          กรณีค่าเช่าที่พัก หากเป็นการจ่ายให้กับพนักงานเพื่อปฏิบัติงานตามหน้าที่ในทางการที่จ้างและตามระเบียบที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้สำหรับพนักงานเป็นการทั่วไป หากพนักงานได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นและสมควรเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น จึงไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานแต่อย่างใด