กค 0706/5933
14 กรกฎาคม 2549
มาตรา 91/2(1) และมาตรา 91/5(1) แห่งประมวลรัษฎากร
69/34361
ธนาคารฯ ได้หารือเกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีธุรกรรมการค้าหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์
สรุปความว่า เนื่องด้วยมาตรา 91/2(7) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดให้ธุรกรรมการค้าหลักทรัพย์
ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 0.1 จาก
ฐานรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 91/6(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยปัจจุบันธุรกรรม
การค้าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร และพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) พ.ศ. 2534 ฉะนั้น หากธนาคารฯ ได้ขาย
หลักทรัพย์ดังกล่าว ไม่ว่าหลักทรัพย์นั้นจะเป็นหุ้น หุ้นกู้ หรือพันธบัตรก็ตามผ่านตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย ธนาคารฯ ย่อมได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามนัยข้างต้น และเนื่องจากประมวล
รัษฎากรจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทยเท่านั้น (ซึ่งปัจจุบันก็ได้รับยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) พ.ศ. 2534) ดังนั้น
ในกรณีที่ธนาคารฯ ขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ว่าหลักทรัพย์ดังกล่าว
จะมีสภาพเป็นตราสารทุน เช่น หุ้น หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ เช่น หุ้นกู้ หรือพันธบัตรก็ตาม
ธนาคารฯ จึงขอหารือว่า ธนาคารฯ ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแต่อย่างใด ถูกต้องหรือไม่
กรณีธนาคารพาณิชย์กระทำธุรกรรมการค้าหลักทรัพย์ เป็นการใช้ประโยชน์ในเงินฝาก
โดยการซื้อขายตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด เข้าลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ตาม
มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ดังนั้น การที่ธนาคารฯ ขายหลักทรัพย์
ในหรือนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ว่าหลักทรัพย์นั้นจะเป็นหุ้น หุ้นกู้ หรือพันธบัตร
การกระทำธุรกรรมดังกล่าวของธนาคารฯ จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(1)
และ 91/5(1) แห่งประมวลรัษฎากร