กค 0706/6089
19 กรกฎาคม 2549
มาตรา 47(7)(ข) และมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
69/34370
มูลนิธิ อ. ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยประเทศไทย
เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนที่ร่วมก่อตั้ง ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งได้สนับสนุน
หน่วยงานในประเทศไทยในการดำเนินโครงการต่างๆ และจากการประชุมที่ปรึกษามูลนิธิฯ ได้มีการ
หารือถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน สามารถให้สิทธิพิเศษในการยกเว้น
ภาษี หรือลดหย่อนภาษี แก่บุคคลหรือหน่วยงาน โดยเฉพาะภาคเอกชน ที่บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิฯ เพื่อ
เป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการบริจาค กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ จึงขอทราบว่า บุคคล นิติบุคคล
มูลนิธิ หรือองค์กรเอกชนในประเทศไทยบริจาคเงินแก่มูลนิธิฯ โดยการโอนเงินจากประเทศไทย ไปเข้าบัญชี
ของมูลนิธิฯ ที่ประเทศอินโดนีเซีย บุคคลหรือหน่วยงานผู้บริจาคมีสิทธินำเงินจำนวนที่บริจาคมาขอยกเว้น
หรือลดหย่อนภาษีได้หรือไม่
ตามข้อเท็จจริง มูลนิธิฯ ไม่ได้รับการประกาศกำหนดเป็นองค์การ หรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา
47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47(7)(ข)
แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3(4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย
การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา ออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ.2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2535
ดังนั้น
1. กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่มูลนิธิฯ บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินนั้น ไม่มีสิทธินำเงินบริจาค
ดังกล่าวมาหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2)ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม
พ.ศ.2535
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิฯ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว
ไม่มีสิทธินำเงินบริจาคมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เพราะมิใช่การบริจาค
เงินเพื่อการกุศลสาธารณะ ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร