กค 0706/6090
19 กรกฎาคม 2549
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433)
69/34371
บริษัทฯ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับสถาบันการเงินที่ศาล โดยบริษัทฯ ตกลง
ผ่อนชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ตามอัตราที่กำหนด สถาบันการเงินตกลงยกหนี้เงินต้น
พร้อมดอกเบี้ยงวดสุดท้ายของยอดเงินกู้ที่ต้องชำระ ในปี 2552 ถึงปี 2554 บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
1. การทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือไม่
2. เงินได้ที่สถาบันการเงินปลดหนี้ให้แก่บริษัทฯ ในปี 2552 ถึงปี 2554 เป็นเงินได้ที่ได้รับ
สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรหรือไม่
3. ในกรณีสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า สถาบันการเงินจะยกหนี้เงินต้นพร้อม
ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้แก่บริษัทฯ เมื่อบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
บริษัทฯ ต้องนำเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยงวดสุดท้ายที่สถาบันการเงินยกหนี้ให้มารวมคำนวณกำไร
สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรในการยกเว้นภาษีเงินได้
หากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรจะต้องแสดงหลักฐานอะไรบ้าง
4. การทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บบส.) เมื่อปี 2545 ซึ่ง
ระบุว่า เมื่อมีการปฏิบัติตามสัญญา บบส. ตกลงให้หนี้ส่วนที่เหลือเป็นอันระงับสิ้นไป บริษัทฯ ได้
ชำระหนี้โดยการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินและหลักทรัพย์ชำระหนี้ รวมทั้งผ่อนชำระหนี้เสร็จสิ้น
ภายในปี 2545 บริษัทฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรหรือไม่ และต้องแสดงหลักฐาน
อะไรบ้าง
1. กรณีตาม 1. บริษัทฯ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับสถาบันการเงิน และศาล
ได้มีคำพิพากษาตามยอม ตามข้อเท็จจริงข้างต้น หากการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดและ
ศาลมีคำพิพากษาตามที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว
ย่อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548
2. กรณีตาม 2. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินได้
ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะการปลดหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่
1 มกราคม พ.ศ. 2548 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 5 แห่ง
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ.
2548 แต่เงินได้ที่สถาบันการเงินปลดหนี้ให้บริษัทฯ ในปี 2552 ถึงปี 2554 ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์
ทางภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433) พ.ศ.2548
3. กรณีตาม 3. หากสถาบันการเงินยกหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้แก่บริษัทฯ ตาม
สัญญาประนีประนอมยอมความในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2548 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2549
บริษัทฯ จะได้รับยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433) พ.ศ.2548
4. กรณีตาม 4. การทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมาย
ว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ หากบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด บริษัทฯ
จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวล
รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 399) พ.ศ. 2545 โดยบริษัทฯ ต้องแสดงหลักฐานสัญญา
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในการขอรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวด้วย