กค 0706(กม.09)/พ./771
9 กันยายน 2546
มาตรา 89/1
66/32681
บริษัทฯ ถูกเจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งตามมาตรา
83/6 แห่งประมวลรัษฎากรพร้อมเงินเพิ่ม บริษัทฯ ได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามการประเมินแล้วและ
เห็นว่าบริษัทฯ สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเรียกเก็บโดยไม่รวมเงินเพิ่มมาใช้เป็นภาษีซื้อ
เช่นเดียวกับกรณีการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยแบบ ภ.พ.36 โดยนำใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออก
ให้มาถือเป็นใบกำกับภาษี ตามนัยมาตรา 86/14 แห่งประมวลรัษฎากร จึงหารือว่า ความเข้าใจของ
บริษัทฯ ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
1. กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าบริการให้คำปรึกษา ค่าบริการการจัดการอบรมให้แก่พนักงานของ
บริษัทฯ ในประเทศไทย ไปให้กับ Exxon ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการจ่ายค่าบริการให้
ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักร
เป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 แห่ง
ประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินค่าบริการ จึงมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมี
หน้าที่ต้องเสียภาษี ตามมาตรา 83/6(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำส่งถือเป็นภาษีซื้อ
ของบริษัทฯ ตามมาตรา 77/1(18)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร และใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออก
ให้สำหรับการรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้นำส่งดังกล่าว ถือเป็นใบกำกับภาษี ตามมาตรา 86/14 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีบริษัทฯ นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีกันยายน 2540 ถึงเดือนภาษีธันวาคม
2540 ไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน เจ้าพนักงานประเมินจึงได้ประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมทั้งเงินเพิ่ม
ตามมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัทฯ ได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 8,779,333.96
บาท และเงินเพิ่ม จำนวน 7,739,218.18 บาท ตามแบบ ภ.พ.75.1 ให้แก่กรมสรรพากรเมื่อวันที่ 7
พฤศจิกายน 2545 เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ถูกประเมินเรียกเก็บเพิ่มเติมดังกล่าวเป็น
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร จึงเข้าลักษณะเป็น
ภาษีซื้อตามมาตรา 77/1(18)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร โดยใบเสร็จรับเงินที่กรมสรรพากรออกให้ใน
การรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีกันยายน 2540 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2540 ถือเป็น
ใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/14 แห่งประมวลรัษฎากร และโดยที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ถูกประเมิน
เรียกเก็บเพิ่มเติมเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของบริษัทฯ จึงไม่เป็น
ภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวมาหัก
ออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับ
เงินเพิ่มตามมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร ที่บริษัทฯ ชำระตามแบบ ภ.พ.75.1 จำนวน
7,739,218.18 บาท เนื่องจากเงินเพิ่มดังกล่าวถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 89/2 แห่ง
ประมวลรัษฎากร แต่ไม่ถือเป็นภาษีซื้อตามมาตรา 77/1(18)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มี
สิทธินำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
