กค 0706(กม.08)/2854
13 กันยายน 2550
มาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460)และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ฯ (ฉบับที่ 156)
70/35323
บริษัท ท. เป็นบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบริษัทฯ จึงขอทราบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่460) พ.ศ. 2549 ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156) เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนหรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินแต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมตามมาตรา 65 ตรี (5)แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 กันยายน พ. ศ. 2549 ดังนี้
1. กรณีมาตรา 2 แห่งพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 460)ฯ พ.ศ. 2549 กำหนดว่า"พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป" หมายความว่าอย่างไรมีผลต่อการพิจารณาโครงการการลงทุนที่จะนำมาใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่
2. กรณีบริษัทฯ ได้มีการอนุมัติและดำเนินการโครงการมูลค่า 29 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2548โดยมีการชำระเงินบางส่วนในปี 2549 จำนวน 6 ล้านบาท ซึ่งได้ชำระในเดือนมีนาคม 2549 จำนวน 2 ล้านบาทเดือนมิถุนายน 2549 จำนวน 3 ล้านบาท และเดือนกันยายน 2549 จำนวน 1 ล้านบาท บริษัทฯมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460) พ.ศ. 2549 หรือไม่
3. กรณีบริษัทฯ ได้มีการอนุมัติโครงการการลงทุนที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156)ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549หากบริษัทฯ ขอออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2550เงินได้ที่บริษัทฯได้จ่ายไปตามโครงการการลงทุนของบริษัทฯทั้งก่อนและหลังจากการยกเลิกการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยดังกล่าว บริษัทฯ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460) พ.ศ. 2549
1. กรณีตาม 1 และ 2 บริษัทฯซึ่งเป็นบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460) พ.ศ. 2549 ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156)ฯลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 จะต้องเป็นกรณีบริษัทฯ จัดทำเป็นโครงการการลงทุนที่มีมูลค่าตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2549 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460) พ.ศ. 2549 มีผลใช้บังคับ ดังนั้นกรณีบริษัทฯ ได้มีการอนุมัติและดำเนินโครงการลงทุนตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นวันก่อนที่พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 460) พ.ศ.2549 มีผลใช้บังคับ บริษัทฯ จึงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแต่อย่างใด
2. กรณีตาม 3 บริษัทฯขอออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2550 บริษัทฯ จึงมิใช่บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156)ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่อย่างใด