กค 0706/9044
4 กันยายน 2550
มาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร และพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342)ฯ
70/35262
นาย จ. ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัด จำนวน 2 แปลง ต่อมาได้รวมที่ดินทั้ง 2แปลง แล้วแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวโดยมีการวางผัง แบ่งแปลง จัดให้มีถนน ปักเสาไฟฟ้าและวางท่อประปา นาย จ. ได้ขายที่ดินแปลงย่อยไป ในปี 2538 รวม 11 แปลง ในปี 2541 รวม 4 แปลง ในปี 2545 และ ในปี 2546 รวม 21 แปลง และได้โอนที่ดินส่วนที่เหลือให้แก่บุตร ในปี 2545 รวม 49 แปลง เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3(4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่244) พ.ศ. 2534 และมาตรา 4(4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541
ตามคำพิพากษา ศาลฎีกาที่ 4798/2549 มารดาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บุตรไปภายในห้าป เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 3(6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534ศาลถือเป็นการขายแต่ไม่ใช่ทำเป็นการค้าหรือหากำไร ไม่ต้องเสียภาษีภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ตามหนังสือกรมสรรพากรบิดาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บุตรเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เฉพาะกรณีที่มีการแบ่งขายหรือมีการแบ่งแยกไว้เพื่อขายโดยได้จัดทำถนนหรือสิ่งสาธารณูปโภคอื่นตามมาตรา 4(4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541ดังนั้น สภาพของที่ดินที่ยกให้แก่บุตรตามคำพิพากษา ต่างกับกรณีตามข้อหารือและเมื่อการขายอสังหาริมทรัพย์เฉพาะที่ต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใด เข้าลักษณะตามมาตรา 4(1) - (5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342)พ.ศ. 2541 ย่อมถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะโดยไม่จำต้องพิจารณาว่า จะได้รับการยกเว้นตามมาตรา 4(6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวหรือไม่ นาย จ.จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4(4) แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว