views

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการคำนวณรายได้และรายจ่ายจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา

วันที่: 14 ตุลาคม 2540
เลขที่หนังสือ

กค 0811/14025

วันที่

14 ตุลาคม 2540

ข้อกฎหมาย

ประเด็นปัญหา

เลขตู้

60/25950

ข้อหารือ

     ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ เกี่ยวกับยอดที่จะนำมาคำนวณกำไรหรือ
ขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเป็นหนี้สินและทรัพย์สินระยะสั้น ซึ่งครบกำหนดในปี 2540
และปี 2541 ดังตัวอย่างต่อไปนี้
     1. ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่
ธนาคารพาณิชย์ประกาศ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ทั้งด้านทรัพย์สินและหนี้สินที่มีค่าหรือราคา
เป็นเงินตราต่างประเทศ เช่น ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
                    = (238,233,946.12) บาท
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
                    = 6,637,281.80 บาท
      ยอดขาดทุนสุทธิ          = (229,596,664.32) บาท
แล้วเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี 31 ธันวาคม 2540 ต้องคำนวณปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้งหรือไม่
     2. ยอดคงเหลือ สิ้นสุด 31 ธันวาคม พ.ศ. 2540 โดยใช้อัตราถัวเฉลี่ยในวันสุดท้ายของ
ปี คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคหนึ่งแห่งประมวลรัษฎากร เช่น
ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2540
                    = (250,000,000.00) บาท
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2540
                    = 15,000,000.00 บาท
      ยอดขาดทุนสุทธิ          = (235,000,000.00) บาท
     3. ยอดกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจริงที่เกิดในหรือหลังวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
จนถึงวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในปีนี้ เช่น ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2540 ชำระเงินกู้ 5,000,000
$ ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
                    = (41,250,000.00) บาท
ณ วันที่ 1 กันยายน 2540 ชำระเงินกู้ 8,000,000 $ ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
                    = 67,600,000.00 บาท
ณ วันที่ 8 กันยายน 2540 ได้รับชำระหนี้ 30,000 $ กำไรอัตราแลกเปลี่ยน
                    = 321,000.00 บาท
     ยอดสะสมตั้งแต่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 31 ธันวาคม 2540
                    = (108,529,000.00) บาท
     จากตัวอย่างทั้ง 3 ตัวอย่างข้างต้น ตัวอย่างใดที่เป็นไปตามคำสั่งของกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540ฯ

แนววินิจฉัย

     1. ตามข้อ 1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับ
การคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเนื่องจากการปรับปรุงระบบการ
แลกเปลี่ยนเงินตรา ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เป็นกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมี
ทรัพย์สินหรือหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ
(5) วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีที่บริษัทฯ มียอดคงเหลือ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2540
จึงไม่ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ก่อน แต่สำหรับยอดคงเหลือ
ในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ตามตัวอย่าง ได้แก่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 บริษัทฯ จะต้องคำนวณค่า
หรือราคาเป็นเงินตราไทยครั้งเดียว ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี หากมีผลกำไรหรือขาดทุนจาก
การตีราคาทรัพย์สินหรือหนี้สิน บริษัทฯ มีสิทธิคำนวณรายได้และรายจ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ดังกล่าวได้
     2. กรณีที่บริษัทฯ มีการชำระหนี้เงินกู้ และได้รับชำระหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตรา
ต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดใน
วันที่รับมาหรือจ่ายไป ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร และในกรณีที่บริษัทฯ มี
ผลขาดทุนหรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ชำระหนี้ก็มีสิทธิ์นำผลขาดทุนหรือกำไรจาก
อัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายหรือรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ของ
บริษัทฯ ในรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวได้ทั้งจำนวน บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิ์ดำเนินการตาม
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ดังกล่าวแต่อย่างใด
     ดังนั้น จากตัวอย่างข้างต้น ผลกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือหนี้สินที่เกิดขึ้น
ในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ตามตัวอย่างที่ 2 เท่านั้นที่มีสิทธิ์ปฏิบัติ
ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540