กค 0706/9970
12 พฤศจิกายน 2545
มาตรา 77/1(10), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ
65/32057
สมาคมโรงงานน้ำตาลไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตน้ำตาลไทย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรม
น้ำตาล หารือวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการจ่ายค่าขนถ่ายสินค้าขึ้น
เรือเดินสมุทร ซึ่งมีข้อเท็จจริง ดังนี้
1. กรณีตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.106/2544 ฯ ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2544
ผู้ประกอบกิจการท่าเรือเรียกเก็บเงินค่าขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทรรวมภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ
7.0 จากบริษัทผู้ส่งออก พร้อมทั้งออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีในนามบริษัทผู้ส่งออก เมื่อบริษัท
ผู้ส่งออก ได้จ่ายเงินค่าขนถ่ายสินค้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบกิจการท่าเรือแล้ว ก็จะนำ
ใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อ ในขณะเดียวกันบริษัทผู้ส่งออก ก็จะเรียกเก็บเงินค่าขนถ่ายสินค้า
ขึ้นเรือเดินสมุทรรวมภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่เท่ากันกับผู้ประกอบกิจการท่าเรือเรียกเก็บไปยังโรงงาน
น้ำตาลทรายพร้อมทั้งออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีให้แก่โรงงานน้ำตาลทราย โดยบริษัทผู้ส่งออก
ถือเป็นภาษีขาย และโรงงานน้ำตาลทรายนำไปถือเป็นภาษีซื้อ สมาคมฯ หารือว่า การปฏิบัติดังกล่าว
ถูกต้องหรือไม่
2. กรณีตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 ฯ ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2544
เป็นผลทำให้โรงงานน้ำตาลทรายมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอัตราร้อยละ 3.0 ในกรณีที่โรงงาน
น้ำตาลทรายชำระค่าขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทรรวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทผู้ส่งออก แต่เนื่องจาก
การส่งออกน้ำตาลทรายมีลักษณะเฉพาะตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 และบริษัท
ผู้ส่งออกเป็นตัวแทนของโรงงานน้ำตาลทรายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.97/2543 ฯ ลงวันที่ 15
มิถุนายน พ.ศ. 2543 เมื่อบริษัทผู้ส่งออกชำระค่าขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทรรวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่
ผู้ประกอบกิจการท่าเรือ และหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 แล้ว บริษัทผู้ส่งออกก็ได้นำ
ภาษีส่งกรมสรรพากร ดังนั้น โรงงานน้ำตาลทรายจึงไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอีก สมาคมฯ หารือ
ว่า ความเข้าใจของสมาคมฯ ถูกต้องหรือไม่
3. พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 กำหนดให้โรงงานน้ำตาลทรายต้อง
ดำเนินการส่งออกโดยผ่านตัวแทน คือ บริษัทผู้ส่งออก และเพื่อส่งเสริมการส่งออกธนาคารพาณิชย์จะ
อนุญาตให้ผู้ส่งออกเท่านั้นที่สามารถเข้าทำสัญญาและรับเงินแพ็คกิ้งเครดิตจากธนาคารพาณิชย์ได้ ดังนั้น
บริษัทผู้ส่งออกจึงต้องจัดทำแพ็คกิ้งเครดิตกับธนาคารแทนโรงงานน้ำตาลทราย โดยบริษัทผู้ส่งออกจะออก
ตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อรับเงินแพ็คกิ้งเครดิตแล้วส่งเงินดังกล่าวไปยังโรงงาน
น้ำตาลทราย ทั้งนี้ โรงงานน้ำตาลทรายจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้บริษัทผู้ส่งออกไว้เป็นหลักฐานด้วย
จำนวนเงินเดียวกันและอัตราดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันกับที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บ การกระทำดังกล่าว
บริษัทผู้ส่งออกได้กระทำตนในฐานะเป็นตัวแทนในการนำดอกเบี้ยจากโรงงานน้ำตาลทรายเพื่อนำส่ง
ธนาคาร ซึ่งสมาคมฯ มีความเห็นว่า โรงงานน้ำตาลทรายไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา
ร้อยละ 1.0 ของดอกเบี้ยที่บริษัทผู้ส่งออกรับจากโรงงานน้ำตาลทราย
1. กรณีโรงงานน้ำตาลทรายได้ส่งออกน้ำตาลทรายโดยผ่านตัวแทนในการส่งออกทั้งบริษัทอ้อย
และน้ำตาลไทย จำกัด หรือบริษัทส่งออกอื่น โดยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
และได้มีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้ส่งออกน้ำตาลทราย ตาม
กฎหมายว่าด้วยอ้อยและน้ำตาลทรายโดยครบถ้วน ถือว่าโรงงานน้ำตาลทรายเป็นผู้ส่งออกตามมาตรา
77/1(13) แห่งประมวลรัษฎากร ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1)
แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับตัวแทนในการส่งออกทั้งบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัดหรือบริษัทผู้ส่งออก
อื่น ถือเป็นผู้ให้บริการและดำเนินพิธีการส่งออกแทนโรงงานน้ำตาลทรายตามมาตรา 77/1(10) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ซึ่งตัวแทนในการส่งออกดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0
ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีตัวแทนส่งออกน้ำตาลทรายได้ดำเนินการขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทร และถูก
ผู้ประกอบกิจการท่าเรือเรียกเก็บเงินค่าขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทรในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา
77/1(10) มาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.106/2544 ฯ
ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2544 การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นกรณีตัวแทนส่งออกจ่ายค่าขนถ่ายสินค้าใน
นามของโรงงานน้ำตาลทราย ผู้ประกอบกิจการท่าเรือจึงต้องออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีในนาม
ของโรงงานน้ำตาลทราย และเมื่อตัวแทนส่งออกเรียกเก็บเงินคืนจากโรงงานน้ำตาลทราย ตัวแทน
ส่งออกไม่มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และกรณีผู้ประกอบกิจการท่าเรือออกใบกำกับภาษีในนามของ
ตัวแทนส่งออกนั้น ตัวแทนส่งออกไม่มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อ ต้อง
ห้ามตามมาตรา 82/5(3) แห่งประมวลรัษฎากร
3. กรณีตัวแทนส่งออกน้ำตาลทรายได้จ่ายเงินค่าขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือเดินสมุทรในนามของ
โรงงานน้ำตาลทรายให้กับผู้ประกอบกิจการท่าเรือ เข้าลักษณะเป็นการจ่ายค่าบริการซึ่งเป็น
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ตัวแทนส่งออกมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26
กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15
กันยายน พ.ศ. 2544 และต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับผู้ประกอบกิจการท่าเรือ
โดยใช้แบบพิมพ์หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายของตัวแทนส่งออก และต้องระบุชื่อ ที่อยู่
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของโรงงานน้ำตาลทรายด้วย เมื่อโรงงานน้ำตาลทรายจ่ายเงินค่าขนถ่าย
สินค้าดังกล่าวคืนให้กับตัวแทนส่งออก โรงงานน้ำตาลทรายไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่
อย่างใด
4. กรณีตัวแทนส่งออกมีความประสงค์จะยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนโรงงาน
น้ำตาลทรายก็สามารถกระทำได้ โดยตัวแทนส่งออกมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตาม
แบบ ภ.ง.ด.53 เป็นรายฉบับแต่ละรายโรงงานน้ำตาลทราย โดยตัวแทนส่งออกจะต้องระบุชื่อ ที่อยู่
และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของโรงงานน้ำตาลทรายในช่อง "ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย" และระบุ
ชื่อตัวแทนส่งออกในช่อง "ผู้จ่ายเงิน" ซึ่งกรมสรรพากรจะออกใบเสร็จรับเงินในนามของโรงงาน
น้ำตาลทราย และตัวแทนส่งออกต้องส่งสำเนาแบบ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งใบเสร็จรับเงินให้แก่โรงงาน
น้ำตาลทรายด้วย
5. กรณีตัวแทนส่งออกจัดทำแพ็คกิ้งเครดิตกับธนาคารแทนโรงงานน้ำตาลทราย โดยตัวแทน
ส่งออกจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับธนาคารเพื่อรับเงินแพ็คกิ้งเครดิตแล้วส่งเงินดังกล่าวไปยังโรงงาน
น้ำตาลทราย ต่อมาโรงงานน้ำตาลทรายจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ตัวแทนส่งออกไว้เป็นหลักฐานด้วยเงิน
จำนวนเดียวกันและดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันกับที่ธนาคารเรียกเก็บ กรณีดังกล่าวตัวแทนส่งออกได้กระทำ
ตนในฐานะเป็นตัวแทนในการนำดอกเบี้ยจากโรงงานน้ำตาลทรายเพื่อนำส่งธนาคารแทนโรงงาน
น้ำตาลทราย ดังนั้น กรณีโรงงานน้ำตาลทรายจ่ายค่าดอกเบี้ยให้กับตัวแทนส่งออกเพื่อจ่ายให้กับธนาคาร
โรงงานน้ำตาลทรายจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายแต่อย่างใด