กค 0702/8842
-
เงินค่าเช่ารับล่วงหน้า
-
1. วันที่ 8 มกราคม 2551 นาย ศ. ในฐานะผู้ให้เช่า ได้ทำสัญญาให้เช่าที่ดินกับบริษัท ป. จำกัด (ป.) ผู้เช่า ณ สำนักงานที่ดิน ดังนี้
(1) สัญญาให้เช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ค่าเช่าเดือนละ 20,833.33 บาท ชำระค่าเช่าล่วงหน้ารวม 240 เดือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,000,000 บาท ให้แก่ผู้ให้เช่าในวันทำสัญญา
(2) สัญญาให้เช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ค่าเช่าเดือนละ 20,833.33 บาท ชำระค่าเช่าล่วงหน้ารวม 240 เดือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,000,000 บาท ให้แก่ผู้ให้เช่าในวันทำสัญญา
2. ในการชำระค่าเช่าตาม 1. นั้น ป. ได้สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 14 ธันวาคม 2550 จำนวน 2 ฉบับๆ ละ 4,750,000.00 บาท พร้อมทั้งออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2550 จำนวน 2 ฉบับๆ ละ 250,000.00 บาท แต่ยังไม่ได้มีการส่งมอบให้แก่นาย ศ. เนื่องจากยังไม่ได้มีการทำสัญญาเช่าที่ดินในวันที่ 14 ธันวาคม 2550 เพราะ ป. มีข้อขัดข้องบางประการ ไม่สามารถเดินทางมาทำสัญญาได้ ต่อมา ได้มีการทำสัญญาเช่าในวันที่ 8 มกราคม 2551 จึงได้ส่งมอบเช็คให้นาย ศ. ซึ่งได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินต่อธนาคารฯ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2551 ธนาคารฯ ได้โอนเงินเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2551 นาย ศ. จึงขอทราบว่า เงินได้ที่ได้รับจากการให้เช่าทรัพย์สินดังกล่าว เป็นเงินได้ของปีภาษี 2550 หรือปีภาษี 2551 จะต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีอย่างไร และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น จะต้องนำไปเครดิตในการคำนวณภาษีอย่างไร
1. กรณีนาย ศ. ได้รับชำระค่าเช่าเป็นเช็ค 2 ฉบับ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ชำระค่าเช่าล่วงหน้า 240 เดือนๆ ละ 20,833.33 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000,000 บาท ในวันที่ 8 มกราคม 2551 ซึ่งเป็นวันทำสัญญา เช่าที่ดิน เงินค่าเช่าดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) แห่งประมวลรัษฎากร และถือเป็น เงินได้ในปี 2551 เนื่องจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องถือหลักว่า ได้รับตามความเป็นจริงในปีใด ให้ถือเป็นเงินได้ของปีนั้น นาย ศ. จะต้องนำเงินที่ได้รับดังกล่าว ไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2551 ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีนาย ศ. ได้รับเงินค่าเช่าซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นการล่วงหน้ารวมทั้งสองสัญญาเป็นจำนวน 10,000,000 บาท (ไม่มีเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ) ซึ่งต้องนำไปรวม คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินนั้น ย่อมเป็นภาระแก่นาย ศ. ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงเห็นควรให้นำเงินค่าเช่าทั้งจำนวนมาเฉลี่ยออกเป็นรายปีของอายุการเช่า แล้วให้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้จากค่าเช่าที่เฉลี่ยเป็นรายปีตามจำนวนอายุการเช่าเป็นเงินได้ของปีนั้นๆ ตามแบบ ภ.ง.ด.93 เป็นการล่วงหน้าให้เสร็จสิ้นไปในปีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ตามประกาศกระทรวงการคลังฯ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 และเมื่อสิ้นปีภาษีแต่ละปี นาย ศ. ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นรายการเงินได้จากค่าเช่าและเงินได้อื่น (ถ้ามี) ตามแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมีนาคม ตามมาตรา 56 และมาตรา 57 จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร และให้นำเงินภาษีที่ชำระไว้ล่วงหน้านั้นมาหักออกจากภาษีที่จะ ต้องชำระตามมาตรา 52 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
3. กรณีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2550 จำนวน 2 ฉบับนั้น ในการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2551 ให้นาย ศ. นำค่าเช่าที่เฉลี่ยสำหรับปีภาษี 2551 และเงินได้อย่างอื่นมารวมคำนวณเพื่อยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแบบ ภ.ง.ด.90 โดยให้นำภาษีที่ชำระไว้ล่วงหน้าตามแบบ ภ.ง.ด.93 ของปีภาษี 2551 และภาษีหัก ณ ที่จ่ายทั้งจำนวนตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายดังกล่าว มาเครดิตออกจากภาษีที่ต้องเสีย หากภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายนั้นมีจำนวนเกินกว่าภาษีที่ต้องเสีย ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนเงินในส่วนที่เกินได้ภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่น รายการภาษีปี 2551 ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร