กค 0706/10127
12 ธันวาคม 2549
มาตรา 40(2) และมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร
69/34673
บุคคลธรรมดาผู้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ (ผู้เลี้ยง) ซึ่งทำสัญญารับจ้างเลี้ยงไก่ให้กับบริษัทคู่สัญญา
(บริษัทฯ ) โดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ 2 ลักษณะ ดังนี้
1. ผู้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ (ผู้เลี้ยงฯ ) แบบประกันราคา เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด มีขั้นตอน
การเลี้ยง ดังนี้
(1) ผู้เลี้ยงฯ จะต้องนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันการเลี้ยงไก่ ซึ่งอาจจะเป็นโฉนดที่ดินหรือให้
ธนาคารค้ำประกันตามจำนวนเงินที่ตกลงกัน และผู้เลี้ยงฯ จะได้รับพันธุ์ลูกไก่ อาหารสัตว์และวัคซีนที่
บริษัทฯ ขายให้
(2) บริษัทฯ ไม่ได้เรียกเก็บเงิน ค่าพันธุ์ลูกไก่ ค่าอาหารสัตว์ และค่าวัคซีนจาก ผู้เลี้ยงฯ ในขณะที่
บริษัทฯ ส่งมอบพันธุ์ลูกไก่ อาหารสัตว์และวัคซีน แต่จะนำราคาดังกล่าวไปหักกับราคาที่คู่สัญญากำหนด
ขณะเมื่อส่งมอบไก่ให้บริษัทฯ เมื่อไก่เติบโตและมีขนาดตามต้องการผู้เลี้ยงฯ จะต้องไปขออนุญาตเคลื่อนย้าย
สัตว์ (ไก่) ตามกฎหมายก่อนจึงแจ้งให้บริษัทฯ ทราบ
(3) บริษัทฯ เป็นผู้นำไก่ไปชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวณหาราคารับซื้อไก่ โดยคิดราคารับซื้อไก่ ตามน้ำหนัก
ของไก่ คูณด้วยราคาประกัน (ตามที่สัญญากำหนด) และจะหักค่าพันธุ์ลูกไก่ ค่าอาหารสัตว์ และค่าวัคซีน
ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆตามที่ระบุในแบบฟอร์มทีมีการเรียกชื่อต่างๆกัน เช่นใบชั่งน้ำหนัก ใบสรุปผล
ตอบแทนการเลี้ยงไก่ รายงานสรุปบัญชีการเลี้ยงไก่แบบประกันราคา และบริษัทฯ โอนราคาที่เหลือจาก
การคำนวณข้าบัญชีของผู้เลี้ยงฯ
(4) กรณีผู้เลี้ยงฯ เลี้ยงไก่ไม่ได้ขนาดตามข้อตกลงหรือเกิดความเสียหายอันเป็นเหตุให้ราคาที่ได้
รับจากการขายไก่แบบประกันราคาไม่เพียงพอกับค่าพันธุ์ลูกไก่ ค่าอาหารสัตว์และค่าวัคซีน ผู้เลี้ยงฯ
จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ครบถ้วน โดยบริษัทฯ จะหักจากเงินค่าเสียหายในการเลี้ยงไก่คราวต่อๆ ไป
2. ผู้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ (ผู้เลี้ยงฯ ) แบบรับจ้างเลี้ยง เป็นผู้มีหน้าที่จัดเตรียมโรงเรือน
สำหรับเลี้ยงไก่ให้มีขนาดตามที่บริษัทฯ กำหนด และบริษัทฯ เป็นผู้จัดหาพันธุ์ลูกไก่ อาหารสัตว์ และวัคซีน
ตลอดจนสัตวบาล (ผู้เลี้ยงและดูแลสัตว์) มาให้คำแนะนำแก่ผู้เลี้ยงโดยไม่คิดค่าตอบแทน แต่ผู้เลี้ยงฯ จะต้อง
เลี้ยงไก่ให้ได้ขนาดตามข้อตกลง และหากการคำนวณราคาปรากฏว่าค่าความสูญเสียน้อยกว่าที่บริษัทฯ กำหนด
ผู้เลี้ยงฯ จะได้เงินค่าตอบแทนตามราคาที่เหลือจากการคำนวณ
การเลี้ยงไก่ทั้งสองกรณีดังกล่าว ผู้เลี้ยงฯ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบบริหารจัดการ
ฟาร์มเองทั้งหมด ได้แก่ ค่าแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และค่าแกลบ
1. สัญญาเลี้ยงไก่ ซึ่งผู้เลี้ยงฯ ตกลงรับจะทำการเลี้ยงไก่ให้มีน้ำหนักและขนาดตามที่กำหนดให้บริษัทฯ และ
บริษัทฯ ตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จในการเลี้ยงไก่นั้น (ตามน้ำหนักและขนาดของไก่) สินจ้างที่ผู้เลี้ยงฯ
ได้รับเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร หากผู้รับจ้างเลี้ยงไก่มีหลักฐานในการ
ประกอบกิจการให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ได้ประกอบกิจการในรูปแบบของการทำธุรกิจและสามารถพิสูจน์
รายจ่ายในการประกอบกิจการนั้นได้ เช่น มีการจัดสำนักงานในการประกอบกิจการ ไม่ว่าโดยเป็นกรรมสิทธิ์
ของตนเองหรือมีการเช่าจากบุคคลอื่นโดยมีหลักฐานการเช่ามาแสดง มีการลงทุนด้วยการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้
เพื่อเลี้ยงไก่ มีการจ้างลูกจ้างโดยมีหลักฐานการจ้างแรงงานเป็นต้น สินจ้างหรือเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจาก
การรับจ้างเลี้ยงไก่ดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีสัญญารับจ้างเลี้ยงไก่ตาม 1. บริษัทฯ ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแทนผู้เลี้ยงฯ ไปก่อน ได้แก่ ค่าพันธุ์
ลูกไก่ อาหารสัตว์และวัคซีน เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าจ้างเลี้ยงไก่แก่ผู้เลี้ยงฯ บริษัทฯ จะหักค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายล่วงหน้า
ออกจากราคาค่าจ้างเลี้ยงไก่ที่จะต้องจ่ายแก่ผู้เลี้ยงฯ ภาระค่าใช้จ่ายที่ถูกหักออกจากเงินค่าเลี้ยงไก่ จึงเป็นต้นทุน
ที่เกิดจากการรับจ้างเลี้ยงไก่ เมื่อผู้เลี้ยงฯ เป็นผู้รับภาระต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรับจ้างเลี้ยงไก่
เงินได้พึงประเมินที่ผู้เลี้ยงฯ ได้รับทั้งสิ้นก่อนหักค่าพันธุ์ลูกไก่ ค่าอาหารสัตว์และค่าวัคซีน จึงเป็นเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้เลี้ยงฯ