views

อากรแสตมป์ กรณีการคำนวณอากรแสตมป์จากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

วันที่: 11 ธันวาคม 2555
เลขที่หนังสือ

กค 0702/10945

วันที่

11 ธันวาคม 2555

ข้อกฎหมาย

มาตรา 91/2(6) มาตรา 123 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร 4(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541

เลขตู้

75/38391

ข้อหารือ

          1. นาย ก. ได้ร้องเรียนต่ออธิบดีกรมที่ดิน ผ่านเว็บไซต์ "ศูนย์ดำรงธรรมกรมที่ดิน" ว่า พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาธนบุรี เรียกเก็บค่าอากรแสตมป์ไม่ถูกต้อง โดยเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์กรณีบุคคลธรรมดาขายอสังหาริมทรัพย์ด้วยการคำนวณจากราคาขายที่สูงกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์ เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลการเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์จากเว็บไซต์กรมสรรพากร ที่กรณีบุคคลธรรมดาจะคำนวณค่าอากรแสตมป์จากราคาประเมินทุนทรัพย์ เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และมีการแสดงตัวอย่างการคำนวณอากรแสตมป์ด้วยวิธีดังกล่าว ตามตัวอย่างที่ 6 ด้วย

          2. กรมที่ดินเห็นว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากความแตกต่างกันของวิธีคำนวณค่าอากรแสตมป์กรณีบุคคลธรรมดาขายอสังหาริมทรัพย์ ระหว่างหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0802/21122 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2534 ซึ่งเป็นหนังสือจากกรมสรรพากรที่พนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวปฏิบัติตาม กับข้อมูลจากเว็บไซต์กรมสรรพากร

          3. ข้อมูลในเว็บไซต์กรมสรรพากรที่ระบุว่า "กรณีนิติบุคคล คำนวณค่าอากรแสตมป์จากราคาขายหรือราคาประเมินทุนทรัพย์ แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า" อาจไม่ถูกต้อง เพราะการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการเฉพาะของนิติบุคคลตามมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 4(5) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 ดังนั้น เมื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ย่อมได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะแห่งตราสาร 28.(ข) แห่งบัญชีอากรแสตมป์ จึงหารือมาเพื่อกรมที่ดินจะได้เรียกเก็บค่าอากรแสตมป์กรณีดังกล่าวให้ถูกต้องต่อไป

แนววินิจฉัย

          1. กรณีบุคคลธรรมดาขายอสังหาริมทรัพย์ การเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์ ให้เรียกเก็บจากราคาทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่ากัน ตามมาตรา 123 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร

          2. เมื่อตรวจสอบเว็บไซต์กรมสรรพากร หัวข้อ E - Services หัวข้อย่อย โปรแกรมคำนวณภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์ กรณีการคำนวณอากรแสตมป์แล้ว ปรากฏข้อความว่า กรณีนิติบุคคล คำนวณอากรแสตมป์จากราคาขายหรือราคาประเมินทุนทรัพย์ แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าและกรณีบุคคลธรรมดา คำนวณอากรแสตมป์จากราคาประเมินทุนทรัพย์ เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งมีการแสดงตัวอย่างการคำนวณอากรแสตมป์ด้วยวิธีดังกล่าว ตามตัวอย่างที่ 6

          จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้อมูลบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เกี่ยวกับการเรียกเก็บอากรแสตมป์ กรณีบุคคลธรรมดาขายอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ถูกต้อง กรมสรรพากรจึงได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลการเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์และตัวอย่างการคำนวณอากรแสตมป์ดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป ส่วนกรณีนิติบุคคล กรมสรรพากรมิได้ดำเนินการแก้ไข เนื่องจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของนิติบุคคลบางกรณีไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จึงอยู่ในบังคับต้องเสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะแห่งตราสารที่ 28.(ข) แห่งบัญชีอากรแสตมป์ เช่น กรณีมูลนิธิขายที่ดินที่ได้รับมรดก เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการ ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์แก่การศึกษา หรือการสาธารณกุศล หรือบางกรณี แม้จะอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ก็ยังต้องเสียอากรแสตมป์ เช่น กรณีที่นิติบุคคล จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่รับบริจาคคืนให้แก่ผู้บริจาคโดยไม่มีค่าตอบแทน เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 9/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 และถือว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ออกใบรับและเป็นผู้ต้องเสียอากร ตามลักษณะแห่งตราสารที่ 28.(ข) แห่งบัญชีอากรแสตมป์ โดยเรียกเก็บจากราคาทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่ากัน ตามมาตรา 123 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร เป็นต้น