กค 0811/17110
18 ธันวาคม 2540
ประเด็นปัญหา
60/26220
บริษัทได้เรียกเก็บเงินประกันการเช่าจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นประกันว่าผู้เช่าจะปฏิบัติตาม
สัญญาเช่าทุกประการตามสัญญาเช่า ดังนี้
เงินประกัน ผู้เช่าตกลงที่จะมอบเงินประกันการเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าเพื่อเป็นการประกันว่าผู้เช่า
จะปฏิบัติตามสัญญาเช่านี้ทุกประการ หากผู้เช่าเดิมผิดสัญญาเช่าและ/หรือบอกเลิกสัญญาเช่าก่อนวันครบ
กำหนดอายุสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ริบเงินประกันการเช่านี้โดยเต็มจำนวนโดยไม่ตัดสิทธิ์ของผู้ให้เช่าที่
จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายอื่น ๆ อนึ่ง เงินประกันการเช่านี้ มิให้ถือหรือใช้เป็นการชำระเงินค่าเช่าหรือ
เงินอื่น ๆ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
ในกรณีที่ผู้เช่าปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือข้อกำหนดหรือข้อตกลงหรือข้อผูกพันใด ๆ ดังที่ระบุไว้ใน
สัญญาเช่านี้โดยถูกต้องครบถ้วน ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันดังกล่าวโดยปราศจากดอกเบี้ยให้กับผู้เช่า
หลังจากที่ได้หักค่าเสียหาย (ถ้ามี) ภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้เช่าส่งมอบอุปกรณ์และพื้นที่
เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่าในสภาพเรียบร้อยพร้อมทั้งชำระเงินหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ค้างชำระทั้งหมดครบถ้วน
แล้ว
นอกจากนั้นบริษัทยังเรียกเงินประกันการรับบริการอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อการประกันว่าผู้รับ
บริการจะปฏิบัติตามสัญญาบริการนี้ทุกประการ ตามสัญญาบริการ ดังนี้
เงินประกันการรับบริการ ผู้รับบริการตกลงที่จะมอบเงินประกันเพื่อเป็นการประกันว่าผู้รับ
บริการจะปฏิบัติตามสัญญาบริการนี้ทุกประการ หากผู้รับบริการผิดสัญญาบริการ และ/หรือบอกเลิกสัญญา
บริการก่อนกำหนดระยะเวลาผู้ให้บริการมีสิทธิ์ริบเงินประกันนี้โดยเต็มจำนวนโดยไม่ตัดสิทธิ์ของผู้ให้เช่า
ที่จะได้ชดใช้ค่าเสียหายอื่น ๆ อนึ่ง เงินประกันดังกล่าวนี้มิให้ถือหรือใช้เป็นการชำระเงินค่าบริการหรือ
เงินอื่น ๆ ไม่ว่ากรณีใด ๆทั้งสิ้น
ในกรณีที่ผู้รับบริการปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดหรือข้อตกลง หรือข้อผูกพันใด ๆ ดังที่ระบุ
ไว้ในสัญญาบริการนี้โดยถูกต้องครบถ้วน ผู้ให้บริการจะคืนเงินประกันดังกล่าวนี้โดยปราศจากดอกเบี้ยให้
กับผู้รับบริการหลังจากที่ได้หักค่าเสียหาย (ถ้ามี) ภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้รับบริการใน
ฐานะผู้เช่าได้ส่งมอบพื้นที่เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่าโดยสมบูรณ์ตามสัญญาเช่า นั้น
1. บริษัทฯ ต้องนำเงินประกันมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในขณะที่ได้เงินประกันนั้นมาหรือไม่
2. บริษัทฯ ไม่ต้องนำเงินประกันมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในขณะที่ได้เงินประกันนั้นมา
เพราะเงินประกันนั้นยังไม่ตกเป็นสิทธิ์ของลูกค้าของบริษัทหรือเป็นเงินที่ลูกค้าของบริษัทฯ พึงได้รับ
แต่ประการใด ถูกต้องหรือไม่
บริษัทฯ ประกอบกิจการให้เช่าอาคาร อุปกรณ์ และให้บริการอื่น โดยมีการเรียกเก็บเงิน
ประกันการเช่าและการรับบริการจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการประกันว่าผู้เช่าจะปฏิบัติตามสัญญา และ
ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันดังกล่าวโดยไม่มีดอกเบี้ยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ผู้เช่าส่งมอบอุปกรณ์ และพื้นที่
เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่าในสภาพเรียบร้อยโดยไม่ตัดสิทธิ์ผู้เช่าที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายอื่น ๆ (ถ้ามี)
เงินประกันดังกล่าว บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้
1. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินประกันดังกล่าวถือเป็นค่าเช่าและค่าบริการรับล่วงหน้า
จึงเป็นรายได้ที่บริษัทฯ ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ก. ผู้จ่ายเงินประกันการเช่า ค่าเช่าพื้นที่อาคารและค่าเช่าอุปกรณ์ ถือเป็นการจ่าย
ค่าเช่าทั้งจำนวน จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 5.0 ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษี
ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
ข. สำหรับการจ่ายเงินประกันการรับบริการ และค่าบริการ ถือเป็นการจ่ายค่าบริการ
ทั้งจำนวน ถ้าเป็นบริการรับจ้างทำของ ผู้จ่ายมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตาม
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
3. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม
ก. กรณีการเรียกเก็บเงินประกันการเช่าพื้นที่อาคาร ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า
อาคาร ซึ่งเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น ทั้งเงินประกันการเช่าและ
ค่าเช่าพื้นที่อาคารจึงไม่ต้องนำไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด ตามมาตรา 81(1)(ต) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
ข. กรณีการเรียกเก็บเงินประกันการเช่าอุปกรณ์ และบริการอื่น ถือเป็นส่วนหนึ่งของ
ค่าเช่าอุปกรณ์และค่าบริการ จึงต้องนำเงินประกันค่าเช่าอุปกรณ์และค่าบริการไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม
มาตรา 78/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร