กค 0802/17117
18 ธันวาคม 2540
ประเด็นปัญหา
60/26226
บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตสายพานลำเลียง (CHAIN CONVEYOR)
ประเภทการผลิตเครื่องจักร หรืออุปกรณ์สำหรับงานอุตสาหกรรม
ระบบสายพานลำเลียง เป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญในระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ การประกอบรถยนต์ เป็นต้น กล่าวคือ
ระบบสายพานลำเลียงจะช่วยผ่อนแรงในการขนชิ้นงานไปผ่านกระบวนการผลิตในแต่ละขั้นตอน และช่วย
ให้การผลิตมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น การผลิตระบบสายพานลำเลียงจำเป็นต้องคำนึงถึงสาย
การผลิต (PRODUCTION LINE) ตลอดจนการจัดวางเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตทั้งหมดด้วย ซึ่งขั้นตอน
การผลิตที่บริษัทฯ ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนและได้รับอนุมัติมีดังนี้ คือ การออกแบบทางวิศวกรรม (
CAD) จัดหาวัสดุ ตัดแต่งชิ้นส่วนวัสดุ ดัดขึ้นรูป,อัด,เจาะ เชื่อมโลหะ ประกอบชิ้นส่วน พ่นสี ตรวจเช็ค
ขนส่งไปยังโรงงานของลูกค้า ประกอบที่โรงงาน จัดวางตามตำแหน่งเครื่องจักร การติดตั้งด้าน
เครื่องจักรกล การติดตั้งระบบไฟฟ้า การทดสอบการทำงานของเครื่องจักรส่งมอบให้ลูกค้า
ทั้งนี้ชิ้นส่วนเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ มีทั้งที่จัดซื้อในประเทศ และต่างประเทศ
หรือบริษัทผลิตขึ้นเอง บางกรณีจะมีการนำเข้าชิ้นส่วน หรือวัสดุมาจากต่างประเทศโดยลูกค้าเป็นผู้นำเข้า
มาเอง เมื่อได้วัสดุชิ้นส่วนที่ต้องการแล้ว บริษัทฯ จะนำมาตัดแต่ง ขึ้นรูป เชื่อมและทำการประกอบเป็น
เครื่องจักรของระบบสายพานลำเลียง ซึ่งส่วนมากจะมีขนาดใหญ่มาก ยากแก่การขนส่ง ดังนั้นบริษัทฯ จะ
ขนส่งชิ้นส่วนเครื่องจักรไปทำการประกอบขั้นสุดท้าย ณ โรงงานของลูกค้า และติดตั้งเชื่อมต่อเข้ากับ
เครื่องจักรอื่น ๆ ในระบบการผลิต ติดตั้งระบบการควบคุมทางกลไก และไฟฟ้า ทดสอบการทำงานจน
เป็นที่พอใจ ตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว จึงจะถือว่าได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า กรณี ดังนี้
1. การผลิตตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นการขายพร้อมติดตั้ง ซึ่งไม่อยู่ในข่ายที่จะต้อง
ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ใช่หรือไม่
2. กรณีการผลิตดังกล่าวข้างต้นนี้ ถ้าบริษัทฯ ทำสัญญาแยกส่วนของการผลิต หรือประกอบ
เครื่องจักรเป็นสัญญาหนึ่ง และสัญญาการติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานของลูกค้าอีกสัญญาหนึ่ง หน้าที่และ
ความรับผิดเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ จะเป็นอย่างไร
3. ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น
เวลา 7 ปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น ลูกค้าจึงไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
เมื่อจ่ายเงินค่าเครื่องจักรให้แก่บริษัทฯ ใช่หรือไม่ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีการแยกสัญญาหรือไม่
4. การที่บริษัทฯ นำชิ้นส่วนไปยังโรงงานของลูกค้า เพื่อประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปและ
ติดตั้ง ยังไม่ถือเป็นการส่งมอบจนกว่าการติดตั้งจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย ดังนั้นบริษัทฯ มีหน้าที่
ออกใบกำกับภาษีและต้องรับผิดในภาษีต่อเมื่อการติดตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อย ใช่หรือไม่
5. กรณีที่ลูกค้าจัดหาวัสดุบางส่วนเอง ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่มีผลให้ภาระหน้าที่ทางภาษีแตกต่างกัน
กับกรณีที่บริษัทฯ จัดหาวัสดุทั้งหมดให้ใช่หรือไม่
1. บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตสายพานลำเลียงจำหน่าย แต่บริษัทฯ
ได้ให้บริการติดตั้งสายพานลำเลียงเข้ากับเครื่องจักรอื่นในระบบการผลิตของลูกค้าด้วย ส่วนที่ให้บริการ
ติดตั้งจึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทฯ จะมีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มและ
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ดังนี้
1.1 กรณีการขายสินค้าพร้อมบริการติดตั้ง เนื่องจากบริษัทฯ จะต้องคำนวณกำไรสุทธิ
และขาดทุนสุทธิของกิจการผลิตสายพานลำเลียง ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กับบริการติดตั้ง
สายพานลำเลียง ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องแยก
ราคาสินค้าและค่าบริการออกต่างหากจากกันเสมอส่วนของราคาสินค้าที่แยกถือเป็นการขายสินค้า
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้า โอนกรรมสิทธิ์สินค้า
ได้รับชำระราคาสินค้า หรือได้ออกใบกำกับภาษี แล้วแต่การกระทำใดเกิดขึ้นก่อน ตามมาตรา 78(1)
แห่งประมวลรัษฎากร หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัทฯ ได้มีการส่งมอบสินค้าก่อนบริษัทฯ จึงต้อง
ออกใบกำกับภาษีทั้งจำนวนในทันทีที่ส่งมอบสินค้า การที่บริษัทฯ ออกใบกำกับภาษีต่อเมื่อมีการติดตั้งเสร็จ
เรียบร้อยแล้วจึงไม่ถูกต้อง
สำหรับส่วนค่าบริการที่แยกถือเป็นการให้บริการรับจ้างทำของ ความรับผิดในการเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระค่าบริการเว้นแต่ได้ออกใบกำกับภาษีก่อนได้รับชำระค่าบริการ ก็ให้
ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
1.2 กรณีการขายสินค้าไม่ว่าผู้รับเงินได้จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่
ผู้จ่ายเงินได้ค่าสินค้าไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528
เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
สำหรับการให้บริการรับจ้างติดตั้งสายพานลำเลียงเป็นกิจการที่บริษัทฯ ไม่ได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุน ผู้จ่ายเงินได้จึงต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการ
ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
2. กรณีที่ลูกค้าเป็นผู้จัดหาวัสดุทั้งหมดมาว่าจ้างให้บริษัทฯ ผลิตสายพานลำเลียง ถือเป็นการ
รับจ้างทำของ แต่หากปรากฏว่าบริษัทฯ ได้นำเครื่องจักรที่ได้รับยกเว้นภาษีอากรตามบัตรส่งเสริมข้างต้น
ไปรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับที่บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับยกเว้น
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ให้ถือรายได้
จากการรับจ้างในกรณีนี้ เป็นรายได้จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับยกเว้น
ภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย
ดังนั้น ผู้ว่าจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้ในกรณีนี้จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตรา
ร้อยละ 3.0 ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แต่
อย่างใด ตลอดระยะเวลาที่บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยให้แนบสำเนาบัตรส่งเสริมที่บริษัทฯ
ได้รับและสำเนาหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่แจ้งให้บริษัทฯ สามารถรับจ้าง
ผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกับที่ได้รับการส่งเสริมได้ ไว้ในท้ายหนังสือสัญญาจ้างดังกล่าวด้วยทุกครั้ง
3. กรณีที่บริษัทฯ ผลิตสายพานลำเลียงโดยลูกค้าจัดหาวัสดุบางส่วนจำนวนเล็กน้อย ส่วนวัสดุที่
เหลือทั้งหมดบริษัทฯ เป็นผู้จัดหา กรณีเช่นนี้ยังคงถือว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตสายพานลำเลียงจำหน่าย
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จะเหมือนที่กล่าวใน 1.