กค 0702(กม.05)/1041
15 พฤษภาคม 2552
มาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร
-
บริษัท ท. (บริษัทฯ) ได้ขายสินค้าให้บริษัท พ.และได้ออกใบกำกับภาษี ลงวันที่ 31 มีนาคม 2549 มูลค่าสินค้าจำนวน 6,812,803.74 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 476,896.26 บาท โดยส่งมอบใบกำกับภาษีให้กับบริษัท พ. ในวันที่ 31 มีนาคม 2549 ต่อมาบริษัทฯ พบว่า ใบกำกับภาษี ดังกล่าวมีข้อผิดพลาดโดยชื่อบริษัทฯ พิมพ์เป็น "บริษัท ท. จำกัดด" บริษัทฯ จึงออกใบกำกับภาษี ใหม่ที่ถูกต้องโดยใช้เลขที่ใบกำกับภาษีและลงวันที่เดียวกันกับฉบับเดิม โดยไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดการออกใบกำกับภาษีซ้ำซ้อน บริษัทฯ ได้นำส่งภาษีขายครบถ้วนถูกต้องและได้เรียกใบกำกับภาษีฉบับเดิมคืนเพื่อยกเลิกและจะนำใบกำกับภาษีฉบับใหม่ให้แก่ ลูกค้า ซึ่งบริษัท พ. ได้นำใบกำกับภาษีฉบับเดิมมาลงรายงานสินค้าและวัตถุดิบและรายงานภาษีซื้อเพื่อเครดิตภาษีตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร ในเดือนภาษีเมษายน 2549 และยังไม่สามารถส่งคืนบริษัทฯ ได้เนื่องจากอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ส่วนใบกำกับภาษีฉบับใหม่ยังอยู่ที่บริษัทฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขอสำเนาใบกำกับภาษีจากบริษัทฯ เพื่อสอบยัน บริษัทฯ จึงได้จัดส่งสำเนาใบกำกับภาษีฉบับที่ทำขึ้นใหม่ให้แก่เจ้าหน้าที่ จึงเป็นเหตุให้ต้นฉบับและคู่ฉบับไม่ตรงกัน
เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าการออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่ของบริษัทฯ เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.86/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 และมาตรา 86/5 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่มีลักษณะเป็นแบบเต็มรูป ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 เนื่องจากการออกใบกำกับภาษีฉบับเดิมของบริษัทฯ เป็นความผิดที่ไม่เป็นสาระสำคัญตามข้อ 4 (2) ของคำสั่งกรมสรรพากรฉบับดังกล่าวซึ่งถือว่ามีข้อความครบถ้วนแล้วจึงเป็นใบกำกับภาษีที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ส่วนใบกำกับภาษีฉบับใหม่เป็นการออกใบกำกับภาษีซ้ำซ้อนและเป็นการออกโดยไม่มีสิทธิออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามมาตรา 89 (6) และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องรับผิด ทางอาญาตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับความรับผิดทางอาญา บริษัทฯ ไม่มีเจตนาในการหลีกเลี่ยงภาษีอากร จึงเห็นควรไม่ต้องดำเนินคดีอาญาแต่อย่างใด จึงขอทราบว่าความเห็นดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
72/36616