กค 0811/01817
10 กุมภาพันธ์ 2541
ประเด็นปัญหา
61/26404
บลจ. ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน
ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ตามประเภท
กิจการจัดการลงทุน
ในระหว่างปี 2540 บลจ. ได้ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 2 แห่ง
และได้บันทึกรายการทางบัญชีเป็นเงินให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินรวม 93.1 ล้านบาท
ต่อมาในวันที่ 27 มิถุนายน 2540 บมจ.ได้ถูกคำสั่งจากกระทรวงการคลังให้หยุดดำเนิน
กิจการเป็นการชั่วคราว และต้องดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินส่งต่อคณะกรรมการกำกับ
การควบหรือโอนกิจการของสถาบันการเงินในขณะนั้น จึงทำให้ บมจ. ทั้งสองไม่สามารถจ่ายคืนเงินให้
กู้ยืมและดอกเบี้ยที่ บมจ. ทั้งสองค้างชำระแก่ บลจ. และ บลจ. ได้ทวงถามเพื่อให้ บมจ. ทั้งสองจ่าย
คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างถึงการไม่สามารถดำเนินกิจการ
ได้ตามคำสั่งของทางการ
และในวันที่ 8 ธันวาคม 2540 คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน
ได้มีคำสั่งให้ บมจ. หยุดดำเนินกิจการเป็นการถาวร จากกรณีดังกล่าว ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของ บลจ.
ได้กำหนดให้ต้องตั้งสำรองที่กันไว้เผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ จากการให้สินเชื่อแก่ บมจ. จำนวนเงิน
รวมทั้งสิ้น 93.1 ล้านบาท พร้อมทั้งให้ บลจ. คำนวณดอกเบี้ยที่ค้างรับจาก บมจ. ไว้เพียงหกเดือน
นับตั้งแต่วันที่เงินให้กู้ยืมครบกำหนดชำระเงิน ในบัญชีของ บลจ. ดังนี้
1. จำนวนเงินที่ บลจ. ได้ตั้งสำรองที่กันไว้เผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ จากการให้
สินเชื่อแก่ บมจ. รวมเป็นจำนวนเงิน 93.1 ล้านบาท บลจ. สามารถถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ
กำไรสุทธิประจำปี 2540 ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากร ถูกต้องหรือไม่
2. บลจ. ไม่ต้องคำนวณรายได้ตามเกณฑ์สิทธิเฉพาะดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาหลังจากที่
บมจ. ผิดนัดชำระหนี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน มารวมเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าว
เพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.
2528 ถูกต้องหรือไม่
1. กรณีตาม 1. บลจ. ไม่มีสิทธินำเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ
สำหรับหนี้จากการลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 93.1 ล้านบาท มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ
กำไรสุทธิประจำปี 2540 ตามมาตรา 65 ตรี (1) (ค) แห่งประมวลรัษฎากรได้ เนื่องจากไม่ใช่หนี้จาก
การให้สินเชื่อ
2. กรณีตาม 2. บลจ. มีสิทธินำดอกเบี้ยจากการลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินมาคำนวณรายได้
ตามเกณฑ์สิทธิ เว้นแต่ดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาหลังจากที่ได้ผิดนัดชำระหนี้ติดต่อกัน เป็นเวลาเกินหก
เดือนแล้วจะนำดอกเบี้ยส่วนนั้นมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบบัญชีที่ได้รับชำระก็ได้ ตาม
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528