views

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการขอคืนภาษีสำหรับการโอนขายที่ดินให้บุคคลที่สาม เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2545
เลขที่หนังสือ

กค 0811/1330

วันที่

13 กุมภาพันธ์ 2545

ข้อกฎหมาย

มาตรา 50(5)(ข), มาตรา 63, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542

เลขตู้

65/31261

ข้อหารือ

     เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2543 นาย ก. ได้ซื้อที่ดิน นาง ศ. ซึ่งเป็นน้องสาวในราคา
4,100,000 บาท เพื่อให้ นาง ศ. นำเงินไปชำระหนี้จำนองที่เป็นหนี้ธนาคาร ซึ่งต่อมาได้โอนสิทธิไป
ยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นจำนวนทั้งสิ้น 700,000 บาท อันเนื่องมาจาก
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดภายใต้สิทธิประโยชน์
ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่
373) พ.ศ. 2543 โดยในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้มีการยื่นหนังสือรับรองการปรับปรุง
โครงสร้างหนี้ และยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ณ ที่จ่าย จำนวน 119,800 บาท ไปก่อน เนื่องจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม
พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวยังไม่มีการประกาศ นาย ก.จึงหารือว่า
     1. ราคาประเมินที่เจ้าพนักงานที่ดินใช้คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวน 3,296,000 บาท
แต่เมื่อใช้สิทธิยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ต้องเอาส่วนที่ได้ชำระหนี้แก่สถาบันการเงินจำนวน
700,000 บาท ลบออกก่อน คือ 3,296,000 บาท ลบด้วย 700,000 บาท เหลือเท่ากับ 2,596,000
บาท แล้วคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(5)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร (ซื้อมาเกิน 10 ปีแล้ว)
ได้ภาษีเท่าใดนำไปหักออกจากจำนวนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้แล้ว ส่วนที่เกิน ผู้ขายมีสิทธิขอคืนภายใน
3 ปีนับแต่วันที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย จะเป็นการถูกต้องหรือไม่
     2. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2543 ซึ่งให้มีผล ย้อนหลังถึง
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป มีผลให้การดำเนินการตามกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ได้
กระทำก่อนวันที่ 28 ธันวาคม 2543 ซึ่งเป็นวันออกประกาศได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย จะเป็นการถูกต้อง
หรือไม่

แนววินิจฉัย

     1. การขายอสังหาริมทรัพย์ของ นาง ศ. ดังกล่าว จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตาม
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 373)
พ.ศ. 2543 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้อ 1(2) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม
พ.ศ. 2543 โดยต้องมีการจัดทำหนังสือรับรองการโอนอสังหาริมทรัพย์ของ ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน
ตามที่แนบท้ายประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว และแจ้งหนังสือ รับรองดังกล่าวต่ออธิบดี
กรมสรรพากรผ่านสรรพากรพื้นที่ สรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ที่ลูกหนี้ของ
สถาบันการเงินมีภูมิลำเนาหรือสถานประกอบการตั้งอยู่ หรือในท้องที่ที่อสังหาริมทรัพย์ที่โอนตั้งอยู่
     2. จำนวนเงินที่ นาง ศ. ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจาก
การขายอสังหาริมทรัพย์ เมื่อได้ปฏิบัติตาม 1. แล้ว ได้แก่ จำนวนเงิน 700,000 บาท โดยใน
การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ให้นำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักออกจากราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อ
เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และเหลือจำนวนเท่าใด ให้คำนวณหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ตามมาตรา 50(5)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้เกินไป ย่อม
มีสิทธิขอคืนได้ภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปีที่เสียภาษีไว้เกินไป ตามมาตรา 63 แห่ง
ประมวลรัษฎากร