กค 0706(กม.01)/370
23 มีนาคม 2549
มาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
69/34024
บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นการแปรรูป
กิจการมาจาก ป. ภายใต้พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 บริษัทฯ ได้รับโอนกิจการสิทธิ
หนี้ ความรับผิด ส่วนของทุนและพนักงานทั้งหมดจาก ป. โดย ป. มีส่วนของทุน ณ 30 กันยายน
2544 รวมจำนวน 33,630,322,897 บาท และบริษัทฯ ได้บันทึกบัญชีส่วนของผู้ถือหุ้น ดังนี้
(1) ทุนจดทะเบียน 20,000,000,000.- บาท
(2) กำไรสะสมที่จัดสรรแล้ว 2,465,594,726.- บาท
(3) กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร 11,164,728,171.- บาท
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 33,630,322,897.- บาท
กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร จำนวน 11,164,728,171.-บาท เป็นส่วนที่บริษัทฯ กันไว้
เพื่อการดำเนินกิจการและพิจารณาจ่ายเงินปันผล และเป็นส่วนที่ยังไม่ได้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
เนื่องจากเป็นกำไรสะสมที่โอนมาจาก ป.
ตามมติการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2544 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 บริษัทฯ
กำหนดจ่ายเงินปันผล สำหรับผลประกอบการปี 2544 ในอัตรา 2.00 บาท ต่อหุ้น และบริษัทฯ ได้
จัดทำหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ โดยกำหนดสิทธิประโยชน์ เรื่อง นโยบายการจ่าย
เงินปันผล ตามมติดังกล่าวในหนังสือชี้ชวนด้วย ซึ่งในขณะที่มีมติการประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ
ยังไม่ทราบผลกำไรของการประกอบกิจการสำหรับรอบบัญชี 1 ตุลาคม 2544 - 31 ธันวาคม 2544
แต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2544 บริษัทฯ ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย
ต่อมา บริษัทฯ มีมติการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2545 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2545 ให้
ทบทวนการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลประกอบการปี 2544 จากการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 2.00 บาท
ต่อหุ้น เป็น 2.50 บาท ต่อหุ้น และเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2545 การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
2545 ได้มีมติให้อนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นสำหรับผลประกอบการปี 2544 ในอัตรา 2.50 บาท
ต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2545
บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นสามัญ จำนวน 2,797,245,725 หุ้น อัตรา 2.50 บาท ต่อหุ้น
เป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 6,993,114,312.50 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในรอบบัญชีปี 2544 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 21,611,898,798
ล้านบาท ประกอบด้วย
ผลประกอบการของ ป. งวด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.44) กำไรสุทธิ 18,658,461,212 ล้านบาท
ผลประกอบการของ บริษัทฯ งวด 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.44) กำไรสุทธิ 2,953,437,586 ล้านบาท
บริษัทฯ ในฐานะผู้จ่ายเงินได้ (เงินปันผล) ได้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตาม
มาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะ
นายทะเบียนโดยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายภาษีที่หักและนำส่งไว้ และคงเหลือจ่ายจริงในรายการ (ก)
กิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ
1. การเครดิตภาษีเงินปันผลตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องเป็นเงินปันผล
ที่จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น
หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า เงินปันผลเฉพาะส่วนที่บริษัทฯ จ่ายในอัตรา 2.00 บาทต่อหุ้น ตามมติการ
ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2544 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 และตามประกาศในหนังสือชี้ชวน
เสนอขายหลักทรัพย์เป็นเงินปันผลที่คำนวณจ่ายจากกำไรสะสมที่เกิดจากผลประกอบการของ ป.
ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินปันผลไม่ได้รับสิทธิเครดิต
ภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
2.กรณีบริษัทฯ แสดงข้อความที่กำหนดให้ต้องระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ไม่ถูกต้องและผู้มีเงินได้นำไปใช้เครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดยเครดิตภาษี
ที่คำนวณได้มีจำนวนเกินกว่าที่ผู้มีเงินได้พึงได้รับ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้มีเงินได้ได้รับเงินภาษีคืนเกินไปหรือ
ชำระภาษีไว้ไม่ครบถ้วน บริษัทฯ ต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ตามจำนวนเงินภาษีที่ได้รับคืนเกินไป
หรือเงินภาษีที่ชำระไว้ไม่ครบถ้วนตามมาตรา 47 ทวิ วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ กรมสรรพากร
ยังได้วางแนวทางปฏิบัติไว้ตามข้อ 18 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.119/2545 เรื่อง การเครดิตภาษี
เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2545