views

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีขอขยายเวลายื่นแบบ ภ.พ.30 และของดหรือลดเบี้ยปรับ

เลขที่หนังสือ

กค 0706/พ./2623

วันที่

-

ข้อกฎหมาย

มาตรา 78(1) มาตรา 89(2) มาตรา 89/1 และมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

-

ข้อหารือ

     สำนักงานสรรพากรภาค แจ้งว่า ได้รับคำร้องขอขยายเวลายื่นแบบ ภ.พ.30 และของดหรือลดเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ราย บริษัท ท. จึงได้มีบันทึกลงวันที่ 25 เมษายน 2546 ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของบริษัทฯ ซึ่ง สท.กรุงเทพมหานคร ได้รายงานผลการตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็นรายดังกล่าว พร้อมทั้งส่งเอกสารเพิ่มเติมให้สำนักงานสรรพากรภาค 2 พิจารณา โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้
      1.บริษัท ท. เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2535 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 947/23-24 อาคารทศพลแลนด์ 4 ถนนบางนา-ตราด กม.3 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ สาขาที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 52 หมู่ 5 ถนนพานทอง ตำบลหนองกะขะ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ประกอบกิจการผลิตสายไฟฟ้าทุกชนิด เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ
      2.บริษัทฯ ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน ณ สำนักงานสาขา ตั้งแต่เดือนภาษีกุมภาพันธ์ 2541 เป็นต้นไป
      3.บริษัทฯ ได้รับจ้างทำของให้กับบริษัท พ. โดยออกใบกำกับภาษี เมื่อได้รับชำระเงิน แต่ต่อมาบริษัทฯ ได้ทำหนังสือหารือกรมสรรพากรในประเด็นความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งกรมสรรพากรได้มีหนังสือที่ 0811/7514 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2544 แจ้งว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อขายมิใช่ผู้รับจ้าง ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมปรับปรุงให้ถูกต้อง สำหรับเดือนภาษีธันวาคม 2540 เดือนภาษีตุลาคม 2541 เดือนภาษีธันวาคม 2542 เดือนภาษีตุลาคม - เดือนภาษีธันวาคม 2543 และเดือนภาษีเมษายน - เดือนภาษีมิถุนายน 2544 จำนวนทั้งสิ้น 18,546,928.89 บาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางนา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2545 โดยชำระภาษีบางส่วนพร้อมการยื่นแบบ ภ.พ.30 จำนวน 100,004.54 บาท และสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางนา ได้ตั้งหนี้ค้างตามแบบ บ.ช.35 เลขที่ 02009470/5/100678 - 100686 ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 รวมจำนวนเงิน 18,546,928.89 บาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) โดยบริษัทฯ นำเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าเป็นจำนวน 12 ฉบับ (ฉบับลงวันที่ตั้งแต่ 15 มกราคม 2545 - 13 ธันวาคม 2545 รวมจำนวนเงิน 11,243,660.54 บาท) ค้ำประกันการผ่อนชำระ
      4.บริษัทฯ ได้ผ่อนชำระหนี้ภาษีอากรค้างตามแบบ บ.ช.35 ข้างต้น ถึงงวดที่ 6 รวมเป็นเงิน 5,467,504.54 บาท ต่อมาบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดชลบุรีว่า การยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมของบริษัทฯ ที่สส. บางนา ซึ่งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เป็นการยื่นแบบผิดสาขา จึงถือว่า บริษัทฯ มิได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบ ภ.พ.30 รวมกัน ณ สำนักงานสาขา ตั้งแต่เดือนภาษีกุมภาพันธ์ 2541 บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการ ดังนี้
      4.1 บริษัทฯ สั่งระงับการสั่งจ่ายเงินตามเช็คอีก 6 ฉบับ ที่เหลือที่ยื่นค้ำประกันการผ่อนชำระ ณ สส.บางนา การสั่งระงับจ่ายเงินตามเช็คข้างต้นเป็นเหตุให้ สส.บางนาได้ตั้งหนี้ภาษีอากรค้างกรณีเช็คขัดข้อง ตามแบบ บ.ช.35 เลขที่ 02009470/5/100794 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2545 เลขที่ 02009470/5/100818 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2545 และเลขที่ 02009470/5/100824 ลงวันที่ 19 กันยายน 2545 รวมเป็นเงิน 3,220,500.00 บาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย)
      4.2 บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมปรับปรุง สำหรับเดือนภาษีตามข้อ 3 อีกครั้ง ณ สส.พานทอง เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2545 โดยได้ชำระภาษีบางส่วนพร้อมการยื่นแบบ ภ.พ.30 และสส.พานทอง ได้ตั้งหนี้ค้างตามแบบ บ.ช.35 เลขที่ 05200050/5/100102 - 100110 ลงวันที่ 12 กันยายน 2545 รวมเป็นเงิน 17,694,189.36 บาท (ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมาย) โดยบริษัทฯ ได้ขอผ่อนชำระภาษี จำนวน 48 งวด
      4.3 บริษัทฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 มกราคม 2546 ขอขยายเวลายื่นแบบ ภ.พ.30 และขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแจ้งว่า การที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพื่อปรับปรุงให้ถูกต้องเพราะว่า บริษัทฯ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษีอากร บริษัทฯ ไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิด อีกทั้งในการผ่อนชำระภาษีอากรตามข้อ 4.2 บริษัทฯ ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันวงเงินประมาณ 20,000,000.00 บาท ซึ่งต้องนำเงินฝากประจำให้ธนาคารอัตราร้อยละ 10 ของวงเงินประกันตลอดระยะเวลาของการค้ำประกัน พร้อมกับเสียค่าธรรมเนียมธนาคารในอัตราร้อยละ 2 กรณีดังกล่าวทำให้เกิดภาระทางการเงินของบริษัทฯ ค่อนข้างมาก บริษัทฯ จึงขอให้พิจารณาขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบ ภ.พ.30 และของดหรือลดเบี้ยปรับ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
      5. สท. กรุงเทพมหานคร 9 เห็นว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมปรับปรุงอีกครั้งตามข้อ 4.2 ดังนั้น การตั้งหนี้ค้าง ณ สส.บางนาจึงเป็นการตั้งหนี้โดยที่ไม่มีหนี้ค้างอยู่จริง สส.บางนา จึงขออนุมัติลดยอดหนี้ค่าภาษีอากรของบริษัทฯ ตามข้อ 3 และข้อ 4.1 จำนวน 21,667,424.35 บาท ซึ่งได้รับอนุมัติให้ลดยอดหนี้ตามบันทึกด่วนที่สุดที่ กค 0710/3/1563 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2546 และสำหรับการชำระภาษีบางส่วนจำนวน 5,467,504.54 บาท จากการยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมครั้งแรกที่ สส.บางนา บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้อง ค.10 ขอคืนภาษี และสท.กรุงเทพมหานคร 9 ได้พิจารณาสั่งคืน และบริษัทฯ ได้รับคืนเงินเรียบร้อยแล้ว ตามหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีอากร เลขที่ DLN ภ.พ. 72-02009000-02009470-1-02-25460624-0-0-0006-00 ถึง 08 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2546
      6.จากผลการตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็นพบว่า กรณีที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมที่จังหวัดชลบุรี จำนวนเงินทั้งสิ้น 17,766,300.05 บาท บริษัทฯ ได้ชำระภาษีพร้อมยื่นแบบ ภ.พ.30 จำนวน 72,110.69 บาท และได้ตั้งหนี้ภาษีอากรค้างตามแบบ บ.ช.35 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2545 จำนวน 17,694,189.36 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ชำระภาษีตามแบบ บ.ช.35 ข้างต้นไว้ครบถ้วนแล้ว สท.กรุงเทพมหานคร 9 จึงได้ยุติการตรวจปฏิบัติการเฉพาะประเด็น
      สภ. 2 ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงข้างต้นแล้วเห็นว่า บริษัทฯได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สำหรับเดือนภาษีธันวาคม 2540 เดือนภาษีตุลาคม 2541 เดือนภาษีธันวาคม 2542 เดือนภาษีตุลาคม - เดือนภาษีธันวาคม 2543 และเดือนภาษีเมษายน - เดือนภาษีมิถุนายน 2544 เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมาย เป็นกรณีที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีภายในกำหนดเวลา บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ตามมาตรา 89(2) และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งการที่บริษัทฯ มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เข้าลักษณะเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร จึงเห็นควรไม่อนุมัติให้ขยายเวลาการยื่นแบบ ภ.พ.30 แต่เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรแต่อย่างใด เพื่อสร้างความสมัครใจในการเสียภาษี เห็นควรงดเบี้ยปรับตามที่บริษัทฯ ร้องขอ

แนววินิจฉัย

      1.กรณีที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 เพิ่มเติมครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สำหรับเดือนภาษีธันวาคม 2540 เดือนภาษีตุลาคม 2541 เดือนภาษีธันวาคม 2542 เดือนภาษีตุลาคม - เดือนภาษีธันวาคม 2543 และเดือนภาษีเมษายน - เดือนภาษีมิถุนายน 2544 เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมาย เป็นกรณีที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีภายในกำหนดเวลา บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ตามมาตรา 89(2) และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งการที่บริษัทฯ มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เข้าลักษณะเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ จึงไม่อาจอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบ ภ.พ.30 ตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ บริษัทฯ ตามที่ร้องขอได้
      2.กรณีบริษัทฯ ของดเบี้ยปรับนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร (กพบ.) จึงขอให้รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ กพบ. ต่อไป