views

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการกำหนดสถาบันการเงินตามมาตรา 4 (8) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548

วันที่: 10 มีนาคม 2549
เลขที่หนังสือ

กค 0706/2084

วันที่

10 มีนาคม 2549

ข้อกฎหมาย

มาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548

เลขตู้

69/33973

ข้อหารือ

      กู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านและที่ดิน เพื่ออยู่อาศัยจาก บริษัท อ. เมื่อปี 2539 ต่อมาปี 2543 ไม่สามารถผ่อนชำระตามกำหนดได้ เนื่องจากเกิดผลกระทบต่อเนื่องด้านวิกฤตเศรษฐกิจและได้มีการฟ้องร้องและประนอมหนี้ ซึ่งขณะนั้นยังไม่สามารถชำระหนี้ดังกล่าวได้ เพราะต้องขายอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ก่อน ปัจจุบันขายบ้านและที่ดินดังกล่าวได้แล้ว และนำเงินที่ได้รับไปชำระหนี้ให้กับบริษัท อ. แต่บริษัท อ. มิได้เป็นสถาบันการเงินมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548 จึงไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ บางกรณีได้ จึงขอให้กรมสรรพากรประกาศกำหนดให้ บริษัท อ. ซึ่งมีแผนกสินเชื่อเคหะเป็นสถาบันการเงินตามมาตรา 4(8) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548

แนววินิจฉัย

      ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548 เจ้าหนี้จะต้องเป็นสถาบันการเงินตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว และได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด แต่บริษัท อ. มิได้เป็นสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว มีเจตนาเพื่อชะลอปัญหาการจัดชั้นทรัพย์สินและกันเงินสำรองหรือหลีกเลี่ยงการระงับรับรู้ดอกเบี้ยค้างรับกับรายได้ รวมทั้งมิได้มีการจัดทำเอกสารและการวิเคราะห์ฐานะ และความสามารถในการชำระหนี้อย่างถูกต้อง หรือเป็นที่เล็งเห็นได้โดยชัดเจนว่าลูกหนี้จะไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ หรือมีการดำเนินการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ผู้ตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถสั่งการให้บริษัท อ. เปลี่ยนสถานะการจัดชั้นของลูกหนี้รายนั้นและให้กันเงินสำรองให้เพียงพอ หรือสั่งให้ระงับการรับรู้รายได้ รวมทั้งให้ยกเลิกการบันทึกรายการดอกเบี้ยค้างรับที่บันทึกบัญชีไปแล้วได้ ดังนั้น กรมสรรพากรจึงไม่อาจประกาศกำหนดให้แผนกสินเชื่อของบริษัท อ. เป็นสถาบันการเงินตามมาตรา 4(8) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548 ได้