กค 0811/44
5 มกราคม 2544
มาตรา 103
64/30026
1. สัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกค้าทำกับบริษัทเงินทุน โดยตกลงว่าลูกค้าขอวงเงินขายลด
ตั๋วสัญญาใช้เงิน และบริษัทเงินทุนตกลงรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินภายในวงเงินตามที่คู่สัญญาตกลงกัน ต่อมา
ลูกค้าจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญาว่าจะใช้เงินให้กับบริษัทเงินทุนในวันที่กำหนด และนำตั๋วสัญญาใช้เงิน
ฉบับนั้นไปขายให้บริษัทเงินทุนเป็นคราว ๆ ไป แต่รวมทุกคราวแล้วต้องไม่เกินวงเงินตามที่คู่สัญญาตกลง
กัน
2. สัญญาให้วงเงินสินเชื่อที่ลูกค้าทำกับบริษัทเงินทุน โดยตกลงว่าลูกค้ารับวงเงินสินเชื่อ และ
บริษัทเงินทุนตกลงให้วงเงินสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ตามวงเงินที่ตกลงกันเช่น ให้วงเงินประเภทขายลด
ตั๋วสัญญาใช้เงิน 10,000,000 บาท ต่อมาลูกค้าจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญาว่าจะใช้เงินให้บริษัทเงินทุน
ในวันที่กำหนด และนำตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนั้นไปขายให้บริษัทเงินทุนเป็นคราว ๆ ไป แต่รวมทุกคราวแล้ว
ต้องไม่เกินวงเงินตามที่คู่สัญญาตกลงกัน
3. หลักฐานการรับเงินกู้ซึ่งมีตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเอกสารประกอบที่ลูกค้ามอบให้บริษัทเงินทุน
โดยลูกค้าออกตั๋วสัญญาใช้เงินมอบให้บริษัทเงินทุนเพื่อแสดงว่าลูกค้าสัญญาจะใช้เงินกู้จำนวนที่ตกลงกันให้
บริษัทเงินทุนในวันครบกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน
สัญญาตาม 1-3 เป็นตราสารที่ต้องชำระค่าอากรแสตมป์หรือไม่ และมีวิธีการชำระค่าอากร
อย่างไร นั้น
1. กรณีตาม 1. และ 3. เข้าลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินตามมาตรา 650 และมาตรา 653
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น สัญญาและหลักฐานการรับเงินกู้ดังกล่าวต้องปิดอากรแสตมป์
ตามลักษณะแห่งตราสาร 5 กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร แห่ง
บัญชีอัตราอากรแสตมป์ และบริษัทฯ มีหน้าที่ชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์ ณ ที่ว่าการอำเภอ
ท้องที่ที่สำนักงานตั้งอยู่ หรือที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่มีการกระทำตราสารที่ต้องเสียอากรนั้น ตามข้อ 2(4)
และข้อ 6 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม
พ.ศ. 2538
2. กรณีตาม 2. สัญญาดังกล่าวไม่เป็นตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์จึงไม่เป็น
ตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์